ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกของประเทศไทย ที่รัฐบาลได้ดำเนินการจัดสร้างขึ้นบนเนื้อที่ 53 ไร่ 15 ตารางวา เพื่อเป็นสถานที่จัดการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เมื่อปี 2534 และใช้ประโยชน์ในกิจการอื่น ๆ ซึ่งได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศูนย์การประชุม ฯ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2534 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชานุญาตให้เชิญพระนามาภิไธยเป็นชื่ออาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติว่า “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสพระราชพิธี มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 12 สิงหาคม 2535
ต่อมาเมื่อปี 2560 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้มีการปรับปรุงดัดแปลงอาคารศูนย์การประชุม เพื่อให้มีความทันสมัย และมีมาตรฐานระดับสากล พร้อมทั้งเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) ของประเทศไทย ซึ่งเป็นธุรกิจบริการที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ โดยสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ และกระจายรายได้ไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น โดยสะท้อนเอกลักษณ์ความเป็นไทยที่ผสมผสานกับความล้ำสมัยของเทคโนโลยีสากล และน้อมนำพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบรมชนกนาถ และพระบรมราชชนนี รวมทั้งได้รับแรงบันดาลใจจากฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาใช้ในการสร้างสรรค์การออกแบบภายในศูนย์การประชุม ฯ แต่ละพื้นที่ของอาคารจึงมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ที่งดงามอาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แห่งใหม่ มีการขยายพื้นที่มากกว่าเดิม 5 เท่า หรือประมาณ 300,000 ตารางเมตร และใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างชั้นสูง เป็นอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานอาคารเขียว รวมทั้งมีระบบรักษาความปลอดภัยมาตรฐานสากล นอกจากนี้ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ยังได้รับเกียรติให้เป็นสถานที่จัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือเอเปค 2022 (Asia-Pacific Economic Cooperation: APEC 2022) ระหว่างวันที่ 14 – 19 พฤศจิกายน 2565 โดยจะได้ใช้ศักยภาพของศูนย์การประชุม ฯ อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อต้อนรับผู้นำประเทศต่าง ๆ และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานทุกคน