พระระเบียงและจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ห้องที่ ๖๐-๑๒๕

วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2566

   พระระเบียงและจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์พระระเบียงจะล้อมรอบปูชนียสถานทั้งหมดของวัดไว้ภายในยกเว้นพระปรางค์ ๖ องค์ ซึ่งในอดีตพระปรางค์ทั้ง ๘ องค์ ตั้งอยู่ภายนอกพระระเบียง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีการขยายฐานไพทีมาทางด้านทิศตะวันออก ทำให้ต้องขยายพระระเบียงหักมุมโอบล้อมพระปรางค์องค์ที่ ๓ และ ๔ ไว้ภายในวัดภายในพระระเบียงตกแต่งด้วยจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ เป็นจิตรกรรมไทยแบบประเพณี เขียนด้วยสีฝุ่น ครั้งแรกเขียนขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมามีการเขียนซ่อมอีกหลายครั้ง แต่ที่ปรากฏในปัจจุบันเป็นการเขียนซ่อมในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วยภาพทั้งหมด ๑๗๘ ห้องภาพ โดยห้องแรกเริ่มต้นที่ด้านหน้าพระวิหารยอด และลำดับภาพมาทางขวามือหรือเวียนทักษิณาวรรต

ห้องที่ ๖๐ กุมภกรรณออกรบกับพระลักษมณ์ พระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์

            กุมภกรรณกลับไปทูลทศกัณฐ์เรื่องที่มีอุปสรรคลับหอกโมกขศักดิ์ไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์สงสัยจะเป็นอุบายของพิเภก ทำให้กุมภกรรมแค้นใจคิดจะแก้มือให้ได้ ครั้นยกทัพออกรบในวันรุ่งขึ้นพระรามสั่งพระลักษมณ์ออกต่อสู้ด้วย พระลักษมณ์แผลงศรถูกรถทรงของกุมภกรรณหัก กุมภกรรณตกจากรถ เกิดความโมโห พุ่งหอกโมกขศักดิ์ต้องอกพระลักษมณ์ล้มลงสิ้นสติสุครีพตกใจวิ่งเข้าประคองไว้ ฝ่ายองคต หนุมาน และวานรสิบแปดมงกุฎกริ้วโกรธ เข้าตะลุมบอนต่อสู้กับทหารยักษ์จนพลบค่ำกุมภกรรณสั่งให้เลิกทัพกลับเข้าเมือง ทูลรายงานทศกัณฐ์ว่าพระลักษมณ์ต้องหอกโมกขศักดิ์สิ้นชีวิตแล้ว

ห้อง ๖๑ หนุมานเก็บสรรพยาแก้ฤทธิ์หอกโมกขศักดิ์

           สุครีพให้นิลนนท์กลับไปทูลพระรามว่า พระลักษมณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณพระรามตกพระทัยสั่งนิลนนท์นำเสด็จไปที่สนามรบ แต่นิลนนท์พาหลงเวียนวนในป่า จนพระรามพิโรธแผลงศรจันทวาทิตย์เกิดเป็นพระจันทร์ ๓ ดวง ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ พระรามจึงเสด็จถึงสนามรบเข้าประคองพระลักษมณ์ด้วยความอาลัยรัก พิเภกทูลแนะนำตัวยาแก้ฤทธิ์หอกโมกขศักดิ์ซึ่งต้องรีบนำมาให้ได้ก่อนรุ่งเช้า พระรามสั่งหนุมานไปห้ามพระอาทิตย์อย่าเพิ่งส่องแสงแล้วให้ไปเก็บสังกรณี ตรีชวาที่ยอดเขาสรรพยากับขอน้ำปัญจมหานทีจากพระพรตพระสัตรุดที่กรุงอโยธยามาให้พิเภกประกอบยาแก้ถอนพิษหอกโมกขศักดิ์

ห้องที่ ๖๒ กุมภกรรณอาสาทำพิธีทดน้ำ

          กุมภกรรณทราบว่าพระลักษมณ์รอดชีวิตแล้วก็โกรธแค้น ลาทศกัณฐ์ไปร่ายเวทประกอบพิธีทดน้ำเหนือทัพศัตรู ปิดกั้นลำน้ำมิให้ไหลลงมา เพื่อทัพพระรามจะได้อดน้ำตายโดยไม่ต้องฆ่าฟันก่อนออกเดินทาง กุมภกรรณสั่งนางคันธมาลีกับนางกำนัลที่ใกล้ชิดอีก ๔ ตน เก็บดอกไม้ไปส่งยังสถานที่ประกอบพิธีและมิให้แพร่งพรายเรื่องนี้แก่ผู้ใด

ห้องที่ ๖๓ หนุมานล้างพิธีทดน้ำของกุมภกรรณ

        ทหารวานรเห็นแม่น้ำแห้งเหือดก็ประหลาดใจจึงเข้าเฝ้าทูลรายงานพระราม พิเภกว่าเป็นเพราะกุมภกรรณทำพิธีทดน้ำ แล้วแนะนำให้หนุมานไปทำลายพิธี หนุมานแปลงกายเป็นเหยี่ยวไปถึงปราสาทกุมภกรรณแล้วแปลงเป็นนางกำนัลหลอกถามสถานที่กระทำพิธีทดน้ำ เมื่อทราบว่ามีแต่นางคันธมาลีกับพวกอีก ๔ ตนเท่านั้นที่ทราบเรื่อง หนุมานจึงแปลงกายเป็นเหยี่ยว สังหารนางกำนัลที่มีหน้าที่เก็บดอกไม้ตนหนึ่ง แล้วสวมรอยปลอมตัวเข้ากับพวกนางกำนัลที่เหลือไปส่งดอกไม้ให้กุมภกรรณครั้นถึงสถานที่กระทำพิธี หนุมานก็แผลงฤทธิ์คืนร่างเดิมแต่ตัวสูงใหญ่ เข้าต่อสู้กับกุมภกรรณ กุมภกรรณสู้ไม่ได้จึงเหาะหนีกลับกรุงลงกา

ห้องที่ ๖๔ กุมภกรรณออกรบกับพระราม ถูกพระรามฆ่าตาย

         กุมภกรรณขึ้นเฝ้าทศกัณฐ์ ทูลเรื่องที่ถูกหนุมานตามไปทำลายพิธีทดน้ำจนเกิดความเจ็บแค้นแทบสิ้นชีวิต ถึงรุ่งเช้า กุมภกรรณยกทัพจะออกรบ เกิดลางร้ายต่างๆ ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นใจ ฝ่ายพระรามเสด็จนำกองทัพเข้าต่อสู้ ทรงแผลงศรพรหมาสตร์ต้องกุมภกรรณล้มลงยังไม่สิ้นชีวิตทันที แลเห็นพระรามมีรัศมีสีเขียว มีสี่กร ทรงเทพอาวุธ จึงรู้ว่าเป็นองค์นารายณ์อวตาร ก็บังคมไหว้ทูลร้องขออภัยโทษและฝากฝังพิเภกกับพระองค์ แล้วจึงสิ้นชีวิต

ห้องที่ ๖๕ ทศกัณฐ์ให้อินทรชิตออกรบกับพระลักษมณ์

            ทศกัณฐ์บอกอินทรชิตว่ากุมภกรรณถูกพระรามฆ่าตาย อินทรชิตแค้นใจและทะนงตนว่าตัวเองเก่งกล้าจึงอาสาไปรบ เมื่อทศกัณฐ์อวยพรให้มีชัยแก่ศัตรูแล้วอินทรชิตก็ไปลานางมณโฑผู้เป็นมารดา นางมณโฑรู้สึกอัดอั้นตันใจด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่อาจจะห้ามปรามได้เพราะเกรงทศกัณฐ์จึงได้แต่เตือนลูกว่า “เมื่อก่อนนี้พระรามเพียงลำพังคนเดียว ยังฆ่าทูษณ์ขร และตรีเศียรได้ แต่บัดนี้ยังมีไพร่พลวานรอีกเล่า” แต่อินทรชิตก็มิได้เชื่อคำมารดา

ห้องที่ ๖๖ อินทรชิตออกรบกับพระลักษมณ์ครั้งแรก

            อินทรชิตยกทัพออกมา พระรามปรึกษาพิเภกรู้ว่าอินทรชิตเป็นผู้มีฤทธิ์และมีอาวุธคือศรที่พระเป็นเจ้าทั้งสามประทานให้ พวกวานรไม่มีใครสู้ได้ จึงให้พระลักษมณ์นำทัพออกไปรบ อินทรชิตแผลงศรถูกหนุมานล้มลง เมื่อสุครีพองคต และทหารสิบแปดมงกุฎเข้าต่อสู้ก็ถูกศรอินทรชิตล้มลงอีกพระลักษมณ์ต้องแผลงศรเป็นสายลมอ่อนๆ ช่วยให้ทั้งหมดฟื้นขึ้นมา และศรของพระลักษมณ์ยังมีฤทธิ์ทำให้รถอินทรชิตหักลงทั้งทำให้ราชสีห์สารถีและเหล่าทหารยักษ์ตายสิ้น ที่สุดอินทรชิตแผลงศรเป็นไฟไหม้ลามล้อมเหล่าวานร แต่พระลักษมณ์แผลงศรเป็นฝนมาดับไฟได้ และศรนั้นยังไปปักอกอินทรชิตได้รับความทรมาน อินทรชิตจึงร่ายเวทเป่ามนต์ให้ศรหลุดออกและหายเจ็บปวด พอดีเป็นเวลาพลบค่ำอินทรชิตจึงบอกยุติการสู้รบ แล้วต่างพากันยกทัพกลับไป

ห้องที่ ๖๗ อินทรชิตลาทศกัณฐ์ไปชุบศรนาคบาศ

           อินทรชิตลาทศกัณฐ์ไปทำพิธีชุบศรนาคบาศเป็นเวลาเจ็ดวันในโพรงต้นโรทันอันเป็นต้นไม้วิเศษขึ้นอยู่บนยอดเขาอากาศ เพื่อให้ศรมีฤทธิ์ฆ่าศัตรูได้ ระหว่างนี้ขอให้ทศกัณฐ์จัดคนไปสู้รบแทนเมื่ออินทรชิตร่ายเวท ด้วยอำนาจแห่งมนตราทำให้พวกนาคทั้งหลายเกิดความร้อนรนพากันมาคายพิษลงที่ศรนาคบาศนั้น

ห้องที่ ๖๘ ทศกัณฐ์ให้มังกรกัณฐ์ออกรบ

             ทศกัณฐ์ให้ไปตามหลานชื่อมังกรกัณฐ์เจ้าเมืองโรมคัลลูกของพญาขร มาช่วยรบในระหว่างที่อินทรชิตกำลังชุบศรนาคบาศอยู่ มังกรกัณฐ์ยินดีอาสาออกรบ ทศกัณฐ์จึงให้จัดเลี้ยงมังกรกัณฐ์และทหารเมืองโรมคัลทั้งปวง ครั้นรุ่งเช้ามังกรกัณฐ์ก็นำทัพไปด้วยใจฮึกเหิมลำพอง

ห้องที่ ๖๙ พระรามแผลงศรสังหารมังกรกัณฐ์

     พระรามได้ยินเสียงทัพดังสนั่นหวั่นไหวจึงตรัสถามพิเภก พิเภกทูลว่าเป็นทัพของมังกรกัณฐ์ลูกพญาขรซึ่งมีความเก่งกล้าสามารถมาก ขอให้พระรามเป็นแม่ทัพยกทัพออกไปเอง พระรามจึงนำทัพออกไป มังกรกัณฐ์แผลงศรเจาะเกราะแก้วของพระรามเข้าไปได้ แต่มิได้ระคายผิวพระรามและลูกศรนั้นได้ไปลอยอยู่บนฟ้า พระรามจึงแผลงศรไปทำลายศรมังกรกัณฐ์แหลกละเอียด และยังทำให้พลยักษ์ตายลงทั้งสิ้น มังกรกัณฐ์กลัวตายจึงหนีไปแอบในก้อนเมฆ และเนรมิตร่างแปลงเต็มท้องฟ้า พระรามสั่งศรพรหมาสตร์ให้ไปฆ่าตัวจริง ศรพรหมาสตร์ก็พุ่งตรงไปตัดศีรษะมังกรกัณฐ์ขาดกระเด็นถึงแก่ความตาย

ห้องที่ ๗๐ ทศกัณฐ์ให้วิรุญมุขออกขัดตาทัพ

ทศกัณฐ์ให้หลานชื่อวิรุญมุข ลูกของวิรุญจำบังยกทัพไปตั้งรับพวกศัตรูไว้รอจนกว่าอินทรชิตจะยกทัพกลับมา

ห้องที่ ๗๑ อินทรชิตเสียพิธีชุบศรนาคบาศ เพราะชามพูวราชแปลงกายเป็นหมีมาทำลายพิธี

            พระรามถามพิเภกด้วยความสงสัยว่าเหตุใดอินทรชิตจึงมิได้ออกมารบหลายวันแล้ว พิเภกทูลว่าอินทรชิตไปทำพิธีชุบศรนาคบาศในโพรงต้นโรทันบนยอดเขาอากาศคีรีได้สามวันแล้ว ถ้าครบเจ็ดวันจะมีฤทธิ์มาก ต้องให้หมีไปทำลายต้นโรทันเพื่อทำลายพิธี ชามพูวราชทหารพระรามขออาสาแปลงเป็นหมีไปกัดต้นโรทันหักสะบั้นลง แล้ววิ่งหลอกล่อให้อินทรชิตไล่ตาม พวกนาคที่มาคายพิษใส่ลูกศรก็ตกใจเลื้อยหนีไป อินทรชิตยกทัพจะไปรบด้วยความโกรธแค้นเมื่อพบกับวิรุญมุขรู้ว่ามังกรกัณฐ์ผู้เป็นน้องชายถูกฆ่าตายก็โกรธมาก ได้รบกับทัพพระลักษมณ์ แล้วสั่งให้วิรุญมุขรบต้านทานไว้ตนจะร่ายเวทปลุกศรเป็นเวลาชั่วโมงหนึ่ง วิรุญมุขจึงหายตัวทั้งคนทั้งม้าเที่ยวไล่แทงเหล่าวานรตาย พิเภกบอกให้พระลักษมณ์แผลงศรเป็นตาข่ายเพชรวิรุญมุขล้อมวิรุญมุขไว้ และให้หนุมานไปจับตัวมาถวายพระลักษมณ์

ห้องที่ ๗๒ พระลักษมณ์และไพร่พลวานรต้องศรนาคบาศ

              พระลักษมณ์ไม่ได้ฆ่าวิรุญมุข เพียงซักถามเอาความจริงจากนั้นลงโทษเฆี่ยนตีประจานให้อับอายแล้วปล่อยไป วิรุญมุขร้องไห้ไปหาอินทรชิตซึ่งยังร่ายเวทปลุกศรไม่เสร็จ อินทรชิตให้วิรุญมุขแปลงกายเป็นตนเองส่วนอินทรชิตหายตัวขึ้นไปอยู่บนฟ้าแผลงศรลงมาเป็นนาครัดพระลักษมณ์และทหารในกองทัพล้มกลิ้งลงทั้งสิ้น เว้นไว้แต่พิเภกซึ่งเป็นญาติกัน อินทรชิตต่อว่าพิเภกที่ไปเข้าพวกกับศัตรู เกิดโต้เถียงกันอินทรชิตโกรธใช้คันศรไล่ตีพิเภกวิ่งหนีไป

ห้องที่ ๗๓ พระรามแผลงศรพลายวาตเรียกพญาครุฑมาแก้นาคบาศ

                  พิเภกทูลพระรามว่าพระลักษมณ์และเหล่าทหารถูกนาครัดตัวอยู่และนำทางพระรามไปยังสนามรบ พระรามเห็นพระลักษมณ์ถูกนาครัดสลบอยู่ก็ตกใจคิดว่าตายจึงร้องไห้จนสลบไป แต่พิเภกช่วยให้ฟื้นขึ้นและบอกให้พระองค์แผลงศรไปเรียกพญาครุฑยังวิมานฉิมพลีมาช่วย พระรามทำตามคำแนะนำนั้น พญาครุฑก็บินลงมาไล่จิกนาคทั้งหลายจนตกใจแทรกพื้นดินหนีไปสิ้น จากนั้นพระรามจึงพาพระลักษมณ์ยกทัพกลับไป

ห้องที่ ๗๔ อินทรชิตลาทศกัณฐ์ไปชุบศรพรหมาสตร์ที่ริมหาดมรกต ทศกัณฐ์ให้อสุรกำปั่นออกรบขัดตาทัพ

         อินทรชิตลาทศกัณฐ์ไปทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์ที่หว่างเขายุคนธรเป็นเวลาสามวัน และสั่งไว้ว่าระหว่างพิธีห้ามมิให้ใครนำเรื่องความตายไปพูด ทศกัณฐ์จึงสั่งให้ทหารชื่ออสุรกำปั่นยกทัพออกไปรบแทน พิเภกทูลลาพระรามพาพลวานรส่วนหนึ่งออกไปหาเสบียงอาหาร เพราะเสบียงที่มีอยู่กำลังจะหมดลง

ห้อง ๗๕ อินทรชิตตั้งพิธีพรหมมาสตร์และอสุรกำปั่นออกขัดตาทัพจนถึงอินทรชิตออกรบเอง

                         อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์ ทศกัณฐ์ให้อสุรกำปั่นยกทัพมา พระรามจึงให้พระลักษมณ์ยกทัพออกไปรบ มีหนุมานเป็นทัพหน้า หนุมานฆ่าอสุรกำปั่นตาย เมื่อทศกัณฐ์ทราบว่าทัพฝ่ายตนพ่ายแพ้และแม่ทัพถูกฆ่าตายก็มีความเสียใจและร้อนใจรีบให้ทหารไปตามอินทรชิตมาช่วยรบ โดยลืมนึกถึงที่อินทรชิตสั่งไว้ว่าห้ามพูดถึงเรื่องความตายในระหว่างที่ทำพิธี อินทรชิตจึงเสียพิธีและได้ออกไปรบโดยแปลงกายเป็นพระอินทร์ และให้ทหารแปลงกายเป็นช้างเอราวัณ เทวดา นางฟ้า เหมือนขบวนเสด็จของพระอินทร์ โดยหวังจะเอาชนะศัตรูด้วยเล่ห์กล

ห้องที่ ๗๖ พระลักษมณ์ต้องศรพรหมาสตร์ นางสีดามาเยี่ยมพลยังสนามรบ พิเภกบอกหนุมานหายามาแก้ได้

                 พระลักษมณ์หลงกลเฝ้าแต่มองดูขบวนพระอินทร์แปลง จนถูกอินทรชิตยิงด้วยศรพรหมาสตร์สลบไป หนุมานโกรธตรงเข้าหักคอช้างเอราวัณ ถูกอินทรชิตตีด้วยคันศรสลบลง อินทรชิตกลับไปทูลทศกัณฐ์ด้วยความยินดีในชัยชนะ พระรามคอยจนค่ำไม่มีผู้ใดกลับไปก็เสด็จออกมา เห็นหนุมานพระลักษมณ์และเหล่าทหารนอนสิ้นสติอยู่เข้าใจว่าตายก็ร้องไห้เสียใจจนสลบ ทหารยักษ์ที่แอบคอยดูอยู่เห็นดังนั้น เข้าใจว่าสองพี่น้องมนุษย์ตายแล้วจึงกลับไปบอกทศกัณฐ์ทศกัณฐ์ได้สั่งให้นางตรีชาดาพานางสีดาไปดูศพที่สนามรบ นางสีดามีความเสียใจแต่นางตรีชาดาบอกว่าพระรามยังไม่ตาย โดยให้ใช้บุษบกเสี่ยงทาย เพราะบุษบกเป็นของวิเศษ หากหญิงม่ายสามีตายนั่งจะไม่ลอยขึ้น แต่เมื่อนางสีดานั่งบุษบกก็พาเหาะกลับกรุงลงกา พิเภกพาทหารกลับมาจากหาเสบียงได้มาช่วยพระรามและหนุมานให้ฟื้น แล้วบอกให้หนุมานไปยกเอาเขาอาวุธซึ่งมีต้นยามารักษาพระลักษมณ์จนได้สติคืนมา

ห้องที่ ๗๗ พระรามเลิกทัพ อินทรชิตรับอาสาทศกัณฐ์

              คืนนั้น พญายักษ์สองพ่อลูกรู้ข่าวว่าพระลักษมณ์ฟื้นคืนชีวิตได้ด้วยความตกใจ อินทรชิตคิดเอาชัยด้วยกลศึกสองประการ คือหนึ่งทำพิธีกุมภนิยาเป็นเวลาเจ็ดวันเพื่อให้กายเป็นอมตะฆ่าฟันไม่ตาย และสองทำกลลวงให้สุขาจารซึ่งเป็นนักโทษแปลงกายเป็นนางสีดา แล้วตัดหัวโยนไปให้ศัตรูจะได้ยกทัพกลับไป แต่ถ้าพระรามไม่ยกทัพกลับไป เมื่อทำพิธีเสร็จแล้วจะยกกลับมารบด้วยทศกัณฐ์เห็นด้วยกับแผนของอินทรชิต จึงให้เสนาพาสุขาจารไปดูนางสีดาจนจำรูปลักษณะได้สามารถแปลงกายได้เหมือนนางสีดา

ห้องที่ ๗๘ อินทรชิตตัดหัวสุขาจารเพื่อลวงพระราม

       ณ สนามรบ อินทรชิตบอกพระลักษมณ์ซึ่งเป็นแม่ทัพยกออกมาว่า จะส่งคืนนางสีดาเพื่อยุติสงคราม พระลักษมณ์ไม่รู้ว่าเป็นตัวปลอมก็ดีใจบอกให้พาไปถวายคืนแด่พระราม อินทรชิตแกล้งทำเป็นโกรธว่าตนมิได้พ่ายแพ้สงครามจนต้องยอมทำดังนั้น เมื่อจะคืนนางกลางที่รบแล้วไม่รับก็จงเอาแต่ศพคืนไป แล้วตัดหัวนางสีดาแปลงโยนไปให้ ขู่ว่าจะยกทัพไปอยุธยาฆ่ามนุษย์ให้หมดสิ้นและยกทัพจากไป พระลักษมณ์ไม่รู้ว่าเป็นอุบายก็เสียใจกลับไปทูลพระราม พิเภกทูลว่าเป็นกลลวงพระรามให้สุครีพองคต หนุมานไปดูพบว่าเป็นศพชายแปลงมาดังคำของพิเภก

ห้องที่ ๗๙ อินทรชิตตั้งพิธีกุมภนิยาในป่าไผ่และออกรบ

           อินทรชิตตั้งพิธีกุมภนิยากลางป่าไผ่เนินเขาจักรวาล เพื่อทำให้เป็นอมตะฆ่าฟันไม่ตาย พิเภกทูลพระรามว่าอินทรชิตไม่ได้ยกทัพไปอยุธยาแต่หลอกลวงเพื่อไปแอบทำพิธีอยู่ ขอให้พระลักษมณ์ไปทำลายพิธี เพราะตามดวงชะตาอินทรชิตจะต้องตายในวันนี้ด้วยมือพระลักษมณ์ พระรามจึงสั่งให้พระลักษมณ์ยกพลไปทำลายพิธีและได้สู้รบกัน พระลักษมณ์สามารถทำลายศรทั้งสามเล่มอันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สำคัญประจำกายอินทรชิตได้และฆ่าทหารยักษ์ตายสิ้น อินทรชิตรู้ตัวว่าจะต้องตายจึงร่ายเวทหายตัวกลับไปกรุงลงกาเพื่อลาชนกชนนีและชายาของตน

ห้องที่ ๘๐ อินทรชิตลาชนกชนนีและชายาแล้วออกรบจนตาย

               อินทรชิตกลับไปลาชนกชนนีและชายาแล้วกลับออกไปรบด้วยความโศกเศร้าเสียใจที่สุดในชีวิต เกิดลางร้ายบอกเหตุว่าพญามารจะถึงที่ตายหลายประการ เมื่อสู้รบกันพระลักษมณ์ได้ชัยชนะทำลายกองทัพและอาวุธของอินทรชิตได้หมดสิ้น อินทรชิตจึงเหาะขึ้นบนฟ้าร่ายเวทให้เกิดฝนอาวุธตกลงมาสังหารพลวานร แต่พระลักษมณ์สามารถแผลงศรพรหมาสตร์ไปแก้ไขได้ ขณะจะแผลงศรฆ่าอินทรชิต พิเภกทูลว่าเศียรอินทรชิตหากตกลงพื้นดินจะเกิดไฟไหม้จักรวาล ให้องคตไปขอพานแว่นฟ้าของพระพรหมมาคอยรองรับไว้มิให้ตกลงไป พระลักษมณ์ได้ฟังจึงทำตามและนำเศียรอินทรชิตไปถวายพระราม พระรามให้องคตชูพานเศียรอินทรชิตเหาะอยู่กลางฟ้าแล้วพระองค์จึงแผลงศรไปทำลายเศียรอินทรชิตตามคำแนะนำของพิเภก

ห้องที่ ๘๑ ทศกัณฐ์จัดพิธีศพอินทรชิต ณ เขานิลกาลา นอกกรุงลงกา

      ทศกัณฐ์รู้ข่าวอินทรชิตสิ้นชีวิตด้วยความเสียใจ ได้ไปรับศพอินทรชิตกลับมาและจัดการพิธีพระศพอย่างสม พระเกียรติพระโอรส โดยอัญเชิญพระศพไปเผายังเขานิลกาลานอกกรุงลงกา

ห้องที่ ๘๒ พระรามได้รถเวไชยันต์จากพระอินทร์ ออกรบทศกัณฐ์และสิบขุน สิบรถเป็นครั้งแรก

      ทศกัณฐ์เสด็จออกรบพร้อมด้วยสิบขุนและสิบรถ พระอินทร์ให้นำรถเวไชยันต์ของพระองค์มาให้พระรามทรงออกรบ สิบทหารเอกฝ่ายพระรามสามารถฆ่าสิบขุน สิบรถตายลง ทศกัณฐ์จึงเข้าสู้รบกับพระรามพระลักษมณ์ด้วยความโกรธ แต่ที่สุดได้รับความพ่ายแพ้ เสียทั้งราชรถ อาวุธ ไพร่พล และยังถูกพระราม แผลงศรปักอก แต่พญายักษ์ได้ร่ายเวทให้ศรหลุดออกได้และเสด็จกลับเข้ากรุงลงกาในเวลาเย็น ทศกัณฐ์เชิญสหายรักชื่อ มูลพลัม อุปราชเมืองปางตาลให้มาช่วยรบ มูลพลัมได้ชักชวนสหัสเดชะพี่ชายผู้มีฤทธิ์เจ้าเมืองปางตาลให้มาด้วยกัน

ห้องที่ ๘๓ ทศกัณฐ์เลี้ยงพญามูลพลัมกับท้าวสหัสเดชะ

            ทศกัณฐ์จัดงานเลี้ยงรับรองอย่างยิ่งใหญ่แก่พญายักษ์ทั้งสองซึ่งอาสาจะช่วยรบ สามพญายักษ์ยกทัพไป เกิดฟ้าผ่ารถทรงทศกัณฐ์เป็นลางร้ายบอกเหตุว่าทัพเมืองปางตาลจะพ่ายแพ้ แต่ สหัสเดชะเข้าใจผิดว่าเป็นลางร้ายของทศกัณฐ์จึงให้ทศกัณฐ์กลับไป และตนกับน้องชายจะเดินทางไปรบกับกองทัพพระรามเอง

ห้องที่ ๘๔ พระลักษมณ์รบกับมูลพลัม และแผลงศรฆ่ามูลพลัม

          พระรามพระลักษมณ์ยกทัพออกรบกับทัพนครปางตาล เหล่าทหารวานรเกรงกลัวฤทธิ์สหัสเดชะผู้มีหนึ่งพันหน้าสองพันมือและได้รับพรจากพระพรหมให้ศัตรูกลัวเกรงก็พากันหนีไป พระลักษมณ์ออกไปตามพลวานร ได้รบกับมูลพลัมและฆ่ามูลพลัมตาย

ห้องที่ ๘๕ หนุมานรับอาสาลวงจับท้าวสหัสเดชะ ท้าวสหัสเดชะตาย

          พิเภกบอกอุบายให้พระรามใช้หนุมานไปล่อลวงเอาคทาของสหัสเดชะ ซึ่งมีฤทธิ์ต้นชี้ตายปลายชี้เป็นเพื่อตัดกำลังข้าศึก หนุมานแปลงกายเป็นลิงน้อยพูดหลอกล่อให้สหัสเดชะสงสารว่าหนีทัพพระรามมาและมีความแค้นอยากฆ่าพระรามให้ตาย จนสหัสเดชะรับขึ้นรถศึกไปด้วย และที่สุดได้มอบคทาวิเศษให้แก่ลิงน้อยไป หนุมานหักคทาทิ้งแล้วต่อสู้จับตัว สหัสเดชะมัดไปถวายพระราม สหัสเดชะถูกเหล่าวานรกลั่นแกล้งเยาะเย้ยให้ได้รับความคับแค้นอับอาย ก่อนที่จะถูก หนุมานปลิดชีวิตลง

ห้องที่ ๘๖ พระรามรบกับแสงอาทิตย์ ฆ่าแสงอาทิตย์ตาย

           ทศกัณฐ์ให้ไปเชิญหลานชายชื่อแสงอาทิตย์ ลูกของพญาขรมาช่วยรบ แสงอาทิตย์มีอาวุธคือแว่นแก้วซึ่งพระพรหมประทานให้ มีฤทธิ์สามารถใช้ส่องให้ถึงแก่ความตาย แต่พิเภกบอกอุบายพระรามให้ใช้องคตแปลงกายเป็นพี่เลี้ยงของแสงอาทิตย์ไปขอแว่นแก้ว ซึ่งแสงอาทิตย์ฝากไว้กับพระพรหมมาเสียก่อน เมื่อสู้รบกันฝ่ายยักษ์เสียที แสงอาทิตย์ให้ พี่เลี้ยงไปขอแว่นแก้วจากพระพรหมไม่ได้ก็รู้ว่าเสียรู้แก่ศัตรู แต่แม้รู้ว่าจะต้องพ่ายแพ้ก็ยังเข้าสู้รบกับพระลักษมณ์พระรามจนเสียชีวิตลงพร้อมด้วยพี่เลี้ยงและทหารทั้งมวล

ห้องที่ ๘๗ พระรามออกรบกับทศกัณฐ์ ไม่แพ้ชนะกัน

          ทศกัณฐ์รู้ข่าวการตายของแสงอาทิตย์ผู้เป็นหลานด้วยความเสียใจ และเสด็จนำทัพออกไปรบเองในวันรุ่งขึ้น ได้สู้รบกับพระรามยังมิทันได้ปรากฏผลแพ้ชนะก็พอดีเป็นเวลาอัสดงจึงต่างแยกย้ายกลับไป

ห้องที่ ๘๘ ทศกัณฐ์ให้เชิญท้าวสัตลุงพระสหาย กับตรีเมฆนัดดามาปรึกษาการศึก

       ทศกัณฐ์ให้ไปเชิญสัตลุงเจ้ากรุงจักรวาลผู้เป็นสหาย และนัดดาชื่อพญาตรีเมฆเจ้าเมืองมัชชวารีมาช่วยรบ ทัพของทั้งสองเมืองมาบรรจบกันกลางทางจึงเดินทางมาด้วยกัน เมื่อทศกัณฐ์จัดงานเลี้ยงรับรองแล้ว วันรุ่งขึ้นสัตลุงและตรีเมฆก็กรีธาพลของตนออกไปยังสนามรบ

ห้องที่ ๘๙ พระรามรบกับท้าวสัตลุงและตรีเมฆ

       พระรามยกทัพออกรบกับท้าวสัตลุงและตรีเมฆและเป็นฝ่ายได้เปรียบ ท้าวสัตลุงแผลงศรเป็นอาวุธมากมาย ไม่อาจนับได้มาทำร้าย ส่วนตรีเมฆแผลงศรเป็นไฟบรรลัยกัลป์ไหม้ล้อมพลวานร พระลักษมณ์จึงแผลงศรเป็นฝนไปดับไฟและฆ่าพลมารตายสิ้น พระรามก็แผลงศรไปทำลายอาวุธพญายักษ์และยังฆ่าท้าวสัตลุงตายลง ตรีเมฆกลัวตายหนีลงยังบาดาล พญากาลนาคบอกให้ไปซ่อนในเม็ดทรายในมหาสมุทร พระรามให้หนุมานตามไป หนุมานถามพญากาลนาคจนรู้ที่ซ่อน ก็เนรมิตกายสูงใหญ่เอื้อมมือลงในทะเล ตรีเมฆออกจากเม็ดทรายมาต่อสู้กับหนุมาน ถูกหนุมานฆ่าตายแล้วตัดเศียรไปถวายพระราม

ห้องที่ ๙๐ ทศกัณฐ์ตั้งพิธีชุบกายให้เป็นเพชร หนุมานพานางมณโฑมาเย้าหยอกจนเสียพิธี

             ทศกัณฐ์ปรับทุกข์กับนางมณโฑด้วยความเสียใจที่นัดดาและพระสหายถึงแก่ชีวิต นางมณโฑทูลให้เจรจาสงบศึกเพื่อกรุงลงกาจะได้เป็นสุข ทศกัณฐ์ไม่เชื่อกลับคิดทำพิธีอุโมงค์ ชุบกายให้เป็นเพชรซึ่งจะไม่มีอาวุธใดทำอันตรายได้ และยังจะเกิดน้ำทิพย์มนต์มาประพรมทหารให้อยู่ยงคงกระพันอีกด้วย แต่ผู้ทำพิธีต้องอดใจไม่โกรธเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน พระรามรู้จากพิเภกก็ให้หนุมาน สุครีพ นิลนนท์ไปทำลายพิธี แต่ทั้งสามไม่สามารถยกหินซึ่งปิดผนึกปากอุโมงค์ไว้ด้วยมนตราออกได้ หนุมานไปถามทางแก้กับพิเภกแล้วไปขอน้ำล้างเท้าสตรี คือนางเบญกายมารดที่ ปากถ้ำก็สามารถเปิดออกได้ แต่ไม่ว่าสามวานรจะทุบตีทำร้ายอย่างไรทศกัณฐ์ก็ทน นิ่งไว้ ไม่โกรธ จนกระทั่งหนุมานคิดอุบายไปพา นางมณโฑมาหยอกล้อให้ได้รับความอับอายต่อหน้า ทศกัณฐ์ จึงระงับใจไว้มิได้ออกจากพิธีมาต่อสู้ สามวานรเมื่อทำลายพิธีได้ก็เพียงแต่เยาะเย้ยพญายักษ์แล้วกลับไป ทศกัณฐ์ก็อุ้มมเหสีกลับยังกรุงลงกา

ห้องที่ ๙๑ ทศกัณฐ์เชิญพระสหายคือสัทธาสูรและหลานคือวิรุญจำบังมาช่วยรบ

        ทศกัณฐ์เมื่อเสียกิจพิธีก็ทุกข์ใจนัก และรำลึกขึ้นได้ถึงพระสหายชื่อสัทธาสูร เจ้ากรุงอัสดงค์และพระนัดดาชื่อวิรุญจำบัง เจ้ากรุงจารึก ผู้เป็นบุตรพญาทูษณ์ จึงส่งสารไปเชิญให้มาช่วยรบ ทั้งสองทัพเดินทางมาถึงกรุงลงกา ทศกัณฐ์ได้ปรึกษาการศึกและจัดเลี้ยงต้อนรับอย่างสมพระเกียรติ พระรามทราบจากพิเภก ถึงการมาของพญายักษ์ทั้งสองก็เตรียมตัวจะออกรบเองในวันรุ่งขึ้น ซึ่งสัทธาสูรและวิรุญจำบังได้เป็นแม่ทัพยกทัพสองพระนครออกมา

ห้องที่ ๙๒ หนุมานใช้อุบายลวงให้สัทธาสูรเรียกอาวุธจากเทวดา แล้วให้ทหารฝ่ายตนรับไว้หมด แล้วฆ่าสัทธาสูรตาย

  หนุมานได้รับคำสั่งจากพระรามซึ่งได้คำแนะนำจากพิเภกให้ไปล่อลวงสัทธาสูรให้เรียกอาวุธจากเทวดา แล้วแอบรวบเก็บไว้ทั้งหมด และให้ฆ่าสัทธาสูรเสีย หนุมานพร้อมด้วยองคตและทหารวานรห้าร้อยตนจึงไปทำตามรับสั่ง หนุมานคิดอุบายให้องคตพาพลวานรไปแอบบนท้องฟ้า ส่วนตนแปลงเป็นลิงน้อยคอยพูดท้าทายว่า ไม่เชื่อว่าสัทธาสูรจะมีฤทธิ์เอาชนะพระรามได้ สัทธาสูรหลงกลจึงร้องเรียกให้เทวดาโยนอาวุธลงมาให้แต่ถูกพรรคพวกของหนุมานรับเอาไว้ เมื่อหนุมานแกล้งเรียกอาวุธจากเทวดาบ้างจึงซัดลงมาถูกทหารยักษ์ล้มตาย และที่สุดหนุมานสามารถฆ่าสัทธาสูรลงได้

ห้องที่ ๙๓ วิรุญจำบังกำบังกายออกรบและกำบังตนไล่แทงวานร

        วิรุญจำบังรู้ว่าสัทธาสูรตายก็มีความโกรธแค้น จึงล่องหนหายตัวพร้อมกับม้านิลพาหุเข้าไล่แทงทหารพระรามบาดเจ็บล้มตายโดยไม่ทันตั้งตัว พิเภกทูลพระรามให้แผลงศรพรหมาสตร์ไป ฆ่าม้าเสีย พระรามฆ่าม้าและทำลายกองทัพวิรุญจำบังได้ มันจึงเนรมิตร่างแปลงไว้ต่อสู้แทน ส่วนตัวเองหนีไปถามหาที่หลบซ่อนกับนางวานรินยังเขาอังกาศคีรี แล้วไปหลบซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำในมหาสมุทร พระรามให้หนุมานตามมา หนุมานถามทางกับนางวานรินซึ่งเป็นนางฟ้าถูกสาปให้คอยชี้ทางแก่พระราม หนุมานได้นางวานริน และเมื่อนางชี้ทางให้ก็ตาม วิรุญจำบังไป

ห้องที่ ๙๔ หนุมานสังหารวิรุญจำบังตาย

               หนุมานตามมายังมหานทีเชิงเขาสัตภัณฑ์ รู้ว่าวิรุญจำบังแอบในฟองน้ำจึงเนรมิตกายใหญ่ขึ้นแล้วใช้หางล้อมจับฟองน้ำ วิรุญจำบังตกใจก็คืนร่างเป็นยักษ์เกิดต่อสู้กันขึ้น วิรุญจำบังพ่ายแพ้ถูกหนุมานตัดหัวไปถวายพระราม

ห้องที่ ๙๕ ทศกัณฐ์ส่งหลานไปเชิญท้าวมาลีวราชมาตัดสินความ

          ทศกัณฐ์ส่งนนยวิก วายุเวก สองนัดดา ไปเชิญท้าวมาลีวราช พระอัยกาผู้เป็นเทพมีวาจาสิทธิ์ให้มาตัดสินความระหว่างตนกับพระราม โดยสอนให้หลานทั้งสองทูลความเท็จกล่าวหาพระรามเพื่อที่ท้าวมาลีวราชผู้มีวาจาสิทธิ์จะได้เข้าใจว่าพระรามเป็นผู้ผิดและกล่าวสาปแช่งพระรามให้ถึงแก่ความตาย ท้าวมาลีวราชสงสัยกล่าวซักไซ้จนรู้ว่าพระรามเป็นหลานของท้าวอัชบาลสหายรักของพระองค์ นับว่ามีศักดิ์เป็นหลานของพระองค์เช่นเดียวกับทศกัณฐ์ จึงคิดจะไปกล่าว ไกล่เกลี่ยให้หลานทั้งสองฝ่ายซึ่งผิดใจกันด้วยเรื่องผู้หญิงคืนดีกัน

ห้องที่ ๙๖ ท้าวมาลีวราชว่าความ

               เพื่อแสดงความเป็นกลาง ท้าวมาลีวราชไม่เสด็จเข้ากรุงลงกาแต่ประทับตัดสินความยังที่รบ อันเป็นจุดกึ่งกลางที่ตั้งของทั้งสองฝ่าย ทศกัณฐ์รีบไปเฝ้าเพื่อฉวยโอกาสทูลฟ้องก่อน แต่ท้าวมาลีวราชให้หาพระรามและเชิญ หมู่เทวามาเป็นพยานเพื่อทำการไต่สวนอย่างพร้อมหน้า พระรามและทศกัณฐ์ให้การต่างกัน พระองค์จึงให้ตามนางสีดามา นางสีดาให้การตรงกันกับพระราม ทั้งมีเหล่าเทวดาเป็นพยาน ส่วนทศกัณฐ์มีเพียงถ้อยคำอัน เลื่อนลอย จึงทรงตัดสินให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดา ทศกัณฐ์โกรธกล่าวอาฆาตท้าวมาลีวราช ท้าวมาลีวราชทรงสาปให้ทศกัณฐ์ต้องตายด้วยศรพระราม

ห้องที่ ๙๗ ทศกัณฐ์ตั้งพิธีปั้นรูปเทวดาเผาไฟ เทพบุตรพาลีมาล้างพิธี

                    ทศกัณฐ์แค้นท้าวมาลีวราชและพวกเทวดา จึงทำพิธีบูชาหอกกบิลพัทให้มีฤทธิ์ฆ่าได้ทั้งสามโลกและปั้นรูปเทวดาเผาไฟ ณ ริมหาดทรายกรด ซึ่งหากทำพิธีครบสามวันเหล่าเทวดาจะตายหมด เพียงเริ่มพิธีพระอินทร์และเทวดาทั้งหลายก็ ร้อนรุ่มทรมาน พระอิศวรจึงใช้ให้เทพบุตรพาลีไปทำลายพิธีได้สำเร็จ ทศกัณฐ์ไม่รู้ว่าพาลีซึ่งตายไปได้ไปเกิดเป็นเทวดา กลับคิดว่าเป็นหนุมานแปลงกายมา ก็ตรงเข้าสู้รบและได้รับความพ่ายแพ้จนต้องหนีกลับกรุงลงกา

ห้องที่ ๙๘ ทศกัณฐ์ออกรบกับพระราม แล้วพุ่งหอกกบิลพัทหมายฆ่าพิเภก พระลักษมณ์ช่วยป้องปัดจึงต้องหอกกบิลพัทสลบ

        นางมณโฑทูลทศกัณฐ์ว่า หากฆ่าพิเภกซึ่งคอยบอกกลอุบายแก่ข้าศึกได้ ก็จะเอาชนะศัตรูได้ แต่พิเภกล่วงรู้ความคิดนี้จึงทูลแก่พระราม พระรามสั่งให้พระลักษมณ์คอยคุ้มกันพิเภก เมื่อทศกัณฐ์ออกมารบในวันรุ่งขึ้นได้พุ่งหอกกบิลพัทเพื่อฆ่าพิเภก แต่พระลักษมณ์ช่วยปัดป้องหอกนั้นจึงปักเข้าที่พระองค์ทำให้ตกลงจากรถสิ้นสติ พระรามเมื่อต่อสู้ขับไล่ทศกัณฐ์จากไปแล้วจึงมาดู พระลักษมณ์คิดว่าเสียชีวิตก็ร้องไห้จนสลบไป

ห้องที่ ๙๙ หนุมานหักยอดปราสาทเข้าไปลักหินบดยาแล้วผูกผมทศกัณฐ์ติดกับนางมณโฑ

                       หนุมานไปเก็บยาวิเศษต่างๆ เพื่อมารักษาพระลักษมณ์ รวมถึงลูกหินแก้วสุรกานต์ที่ใช้สำหรับบดยาซึ่งทศกัณฐ์ได้ใช้เป็นเขนย แต่หนุมานสะกดกรุงลงกาให้หลับไหลไปทั้งเมืองแล้วหักยอดปราสาทลงไปลักเอามาได้ ทั้งยัง ผูกผมทศกัณฐ์กับผมนางมณโฑเข้าด้วยกัน แล้วเขียนคำสาปไว้ที่หน้าผากทศกัณฐ์ว่าต้องให้นางมณโฑตบเศียรทศกัณฐ์สามครั้งผมจึงจะหลุดออกจากกันได้ ทศกัณฐ์ทดลองแก้ด้วยวิธีต่างๆ ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดต้องยอมให้ชายาตบหัวตามคำสาป ฝ่ายหนุมานเมื่อได้ยาครบแล้วก็นำกลับไปให้พิเภกรักษาพระลักษมณ์

ห้องที่ ๑๐๐ พระรามรบกับทัพนาสูรเชษฐาต่างมารดาทศกัณฐ์ สุครีพตัดแขนทัพนาสูรแล้วพระรามแผลงศรฆ่าทัพนาสูรตาย นางมณโฑอาสาหุงน้ำทิพย์

       ทศกัณฐ์ให้ไปเชิญทัพนาสูร เชษฐาต่างมารดามาช่วยรบ ทัพนาสูรเนรมิตกายสูงใหญ่ทอดกายขวางทาง อ้าปากกว้างจรดแผ่นดิน กลืนกินไพร่พลวานรลงท้องไป พระรามใช้ให้สุครีพไปตัดกรทัพนาสูร แต่พญายักษ์ ยังมีฤทธิ์ใช้เท้าทั้งสองเข้าต่อสู้ พระองค์จึงแผลงศรไปสังหาร และช่วยให้เหล่าวานรออกมาจากท้องยักษ์ แต่วานรนั้นตายหมดสิ้น พระรามจึงแผลงศรไปเชิญพระอินทร์มาช่วยชุบชีวิตให้ ทศกัณฐ์รู้ข่าวด้วยความทุกข์ใจ นางมณโฑอาสาทำพิธีหุงน้ำทิพย์เพื่อใช้ชุบชีวิตญาติมิตรและทหารที่ตายให้กลายเป็นปีศาจมาช่วยรบ ระหว่างที่ทำพิธีทศกัณฐ์ได้ทศคิรีวัน ทศคิรีธร สองโอรสที่เกิดจากนางช้างมาช่วยรบแต่ถูกพระลักษมณ์ฆ่าตาย

ห้องที่ ๑๐๑ ทศกัณฐ์ได้น้ำทิพย์มาพรมซากศพญาติวงศ์และพลมารที่ตายไปให้ขึ้นมาช่วยรบ พระรามแผลงศรเป็นข่ายเพชรไปล้อมไว้

             ทศกัณฐ์ได้น้ำทิพย์จากนางมณโฑมาประพรมซากศพญาติมิตรและทหารที่ตายไป ให้ฟื้นขึ้นมาเป็นกองทัพปีศาจเข้าต่อสู้กับพระราม ซึ่งไม่ว่าพระรามและทหารทั้งหลายจะต่อสู้ด้วยวิธีใดปีศาจเหล่านี้ก็จะฟื้นขึ้นมาต่อสู้ได้อีก พิเภกทูลให้พระรามแผลงศรเป็นข่ายเพชรไปล้อมขังปีศาจไว้และให้ส่งทหารเอกไปทำลายพิธีนางมณโฑ

ห้องที่ ๑๐๒ หนุมานอาสาแปลงเป็นทศกัณฐ์เข้ามาล้างพิธีน้ำทิพย์นางมณโฑ

             พิธีหุงน้ำทิพย์มีข้อห้ามมิให้สตรีที่ทำพิธีมีความรักใคร่เยี่ยงบุรุษสตรีในระหว่างนั้นเพราะจะทำให้เวทมนต์ เสื่อมสูญ หนุมานจึงแปลงกายเป็นทศกัณฐ์ ทำทีว่ามีชัยชนะแก่พระรามมารับตัว นางมณโฑกลับเข้ากรุงลงกา และมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับนาง วันรุ่งขึ้นก็แกล้งยกทัพออกไปว่าจะไปจับตัวพิเภก ฝ่ายทศกัณฐ์ ที่รบอยู่น้ำทิพย์ได้หมดลงและไม่มีผู้ใดนำส่งให้อีกทั้งถูกพวกวานรเยาะเย้ยเป็นนัยก็นึกห่วงนางมณโฑ จึงยกทัพกลับก็รู้ว่านางมณโฑเสียพิธีและเสียทีแก่หนุมาน

ห้องที่ ๑๐๓ พระรามแผลงศรถูกทศกัณฐ์ ขาดเศียรขาดกรแต่ไม่ตายเพราะถอดดวงใจฝากฤๅษีโคบุตรไว้

                      พระรามต่อสู้กับทศกัณฐ์ ทรงแผลงศรถูกทศกัณฐ์ปรุไปทั้งร่าง และตัดสิบเศียรยี่สิบกรของทศกัณฐ์ขาดออกแต่ไม่ตายกลับต่อติดเข้ากับร่างได้ พระรามถามพิเภก พิเภกทูลว่าทศกัณฐ์ถอดดวงใจฝากฤๅษีโคบุตรพระอาจารย์ไว้ หากส่งทหารไปลักเอาดวงใจมาก็จะสามารถฆ่ามันได้ หนุมานทูลอาสาไปลักดวงใจทศกัณฐ์โดยไปพร้อมด้วยองคต

ห้องที่ ๑๐๔ หนุมานอาสาลักกล่องดวงใจทศกัณฐ์ จนถึงพระฤๅษีโคบุตรพาหนุมานมาถวายตัว

           หนุมานและองคตแสร้งบอกฤๅษีโคบุตรว่าผิดใจกับพระราม ขอให้ฤๅษีโคบุตรพาตัวไปถวายทศกัณฐ์ พระฤๅษีหลงเชื่อและยินดีว่าจะทำให้ทศกัณฐ์มีทหารเอกที่เก่งกล้ามาช่วยรบก็พาไปถวายทศกัณฐ์ หนุมานบอกให้ฤๅษี โคบุตรนำกล่องดวงใจทศกัณฐ์ไปด้วย เพราะหากทิ้งไว้ที่กุฏิพระรามอาจใช้ทหารมาลักเอาไปได้ แต่เมื่อใกล้ เข้าเมืองกลับบอกให้ฝากกล่องดวงใจไว้กับองคตที่นอกเมืองเพราะหากนำเข้าไปดวงใจจะกลับเข้าร่างทศกัณฐ์ ฤๅษีหลงกลทำตามและพาหนุมานไปถวายตัว หนุมานเนรมิตกล่องดวงใจปลอมให้องคตคืนฤๅษีโคบุตร ส่วนของจริงให้องคตรักษาไว้คอยฟังสัญญาณจากตน ทศกัณฐ์รับหนุมานเป็นโอรส และหนุมานอาสาออกศึก

ห้องที่ ๑๐๕ หนุมานอาสาออกรบศึกกับพระลักษมณ์ แสร้งทำอุบายให้ทศกัณฐ์เชื่อว่าสวามิภักดิ์

             หนุมานอาสาทศกัณฐ์ออกไปรบ พระรามให้พระลักษมณ์เป็นแม่ทัพยกทัพออกมา หนุมานนั้นบอกให้ทหารยักษ์ทั้งมวลเพียงดูอยู่เฉยๆ ตนเองจะรบตามลำพัง แล้วแกล้งเข้าไล่โจมตีวานรหนีแตกพ่าย แต่ไม่ได้ทำร้ายให้ถึงตาย ถ่วงเวลาไว้จนเย็นแล้วแกล้งพูดจาท้าทายพระลักษมณ์ก่อนจะยกทัพกลับกรุงลงกา

ห้องที่ ๑๐๖ ทศกัณฐ์รับหนุมานเป็นลูก หนุมานหลอกให้ทศกัณฐ์ออกรบ

                 ทศกัณฐ์หลงเชื่อว่าหนุมานสวามิภักดิ์และออกรบด้วยความเก่งกล้าก็ยินดี ยกปราสาทและสมบัติของอินทรชิตให้แก่ หนุมาน หนุมานได้นางสุวรรณกันยุมาเป็นชายา รุ่งเช้าหนุมานหลอกให้ทศกัณฐ์ออกรบโดยบอกว่าจะไปจับพระลักษมณ์พระรามมัดมาถวาย

ห้องที่ ๑๐๗ หนุมานชูกล่องดวงใจเย้ยทศกัณฐ์

          หนุมานหลอกให้ทศกัณฐ์คอยอยู่ รอดูสัญญาณแล้วให้ยกทัพตามไป จากนั้นตนเองกับองคตก็นำกล่องดวงใจไปทูลความพระราม แล้วเหาะกลับไปชูกล่องดวงใจเย้ยทศกัณฐ์ ทศกัณฐ์อ้อนวอนตัดพ้อและทวงบุญคุณหนุมาน หนุมานจึงถอดเครื่องทรงโยนคืนให้ ทศกัณฐ์รู้ตัวว่าถึงที่ตายจึงยกทัพกลับเข้าเมือง เพื่อไปร่ำลามเหสีเป็นครั้งสุดท้าย

ห้องที่ ๑๐๘ ทศกัณฐ์โศก สั่งเมืองและออกรบเป็นครั้งสุดท้าย

ทศกัณฐ์กล่าวอำลาสั่งเสียนางมณโฑนางกาลอัคคีและข้าราชบริพารด้วยความโศกเศร้าอาลัยเพราะรู้ว่าคงหนีความตายไปไม่พ้น แล้วเสด็จยกทัพออกไปรบครั้งสุดท้ายในวันรุ่งขึ้น

ห้องที่ ๑๐๙ ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นพระอินทร์ออกรบกับพระรามจนตาย

           ทศกัณฐ์แปลงกายเป็นพระอินทร์ออกรบ ทหารของทศกัณฐ์กลัวตายคอยแต่จะหลบหนี ทศกัณฐ์จึงพ่ายแพ้ ครั้นแผลงศรไปก็กลับกลายเป็นข้าวตอกดอกไม้ไม่สามารถทำอันตรายพระรามได้ เจ้าลงกาถึงแก่ความตายเมื่อถูกพระรามแผลงศรปักอกและถูกหนุมานขยี้ดวงใจแหลกลาญลง ก่อนตายได้กล่าวสั่งเสียพิเภกให้ช่วยดูแลบ้านเมืองญาติมิตรและให้ช่วยทำศพให้ด้วย พิเภกให้ไปบอกนางมณโฑ นางกาลอัคคีออกมารับศพทศกัณฐ์

ห้องที่ ๑๑๐ พิเภกนำพระศพทศกัณฐ์กลับสู่กรุงลงกา

พิเภกให้อัญเชิญพระบรมศพทศกัณฐ์กลับเข้าสู่กรุงลงกา โดยจัดขบวนแห่อย่างสมพระเกียรติจนได้เชิญพระโกศขึ้นตั้งบนมหาปราสาท

ห้องที่ ๑๑๑ นางสีดาลุยเพลิงถวายสัตย์ต่อพระราม

             พิเภกจัดขบวนแห่อัญเชิญนางสีดาไปเฝ้าพระราม นางสีดาได้ลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความสัตย์ความบริสุทธิ์ที่มี่ต่อพระราม ด้วยความบริสุทธิ์ไร้ราคีแผ้วพานไฟมิได้ทำอันตรายนางและบังเกิดมีดอกบัวผุดขึ้นรับทุกย่างก้าวของนางสีดา

ห้องที่ ๑๑๒ พิธีถวายเพลิงพระศพทศกัณฐ์ที่นอกกรุงลงกา

พิเภกให้จัดขบวนแห่พระบรมศพทศกัณฐ์ออกจากกรุงลงกาไปสู่พระเมรุมาศ

ห้องที่ ๑๑๓ การมหรสพในงานพระศพ

                   พิเภกจัดงานถวายเพลิงพระศพทศกัณฐ์ หมู่ญาติมิตรเข้าถวายพระเพลิงด้วยความอาลัยรักในทศกัณฐ์ ในงานมีมหรสพต่างๆ เมื่อเสร็จงานถวายพระเพลิงแล้วพิเภกให้ไปทูลเชิญพระรามเข้ายังกรุงลงกา

ห้องที่ ๑๑๔ ราชาภิเษกพิเภกขึ้นครองกรุงลงกา

               พระรามทรงจัดพิธีราชาภิเษกพิเภกขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์กรุงลงกาชื่อท้าวทศคิริวงศ์แล้วพระองค์พร้อมด้วย พระลักษมณ์ นางสีดาประทับแรมยังสวนขวัญตามคำทูลเชิญของท้าวทศคิริวงศ์

ห้องที่ ๑๑๕ อัศกรรณสหายของทศกัณฐ์ยกทัพมารบกับพระราม พระรามฆ่าตายแล้วกลับเกิดเป็น ๒ ตาย ๒ กลับเกิดเป็น ๔ ฯลฯ พิเภกทูลให้แผลงศรกวาดลงทะเลตามพรของพระอิศวร

            อัศกรรณเจ้ากรุงจักรวาลสหายของทศกัณฐ์ รู้ว่าทศกัณฐ์ถูกพระรามฆ่าตายก็ยกทัพมาแก้แค้นและได้สู้รบกับพระราม แต่พระรามไม่สามารถฆ่ามันได้ เพราะเมื่อแผลงศรไปถูกอัศกรรณกายขาดออก ก็จะฟื้นขึ้นเป็น ๒ ตน ๔ ตน ทวีคูณขึ้นจนมีท้าวอัศกรรณถึงหนึ่งพันตน พิเภกบอกทางแก้ให้พระรามแผลงศรไปตัดกายท้าวอัศกรรณ แล้วแผลงศรซ้ำไปกวาดเอาศพนั้นลงในมหาสมุทร อัศกรรณจึงถึงแก่ความตายตามที่ได้รับพรจากพระอิศวร

ห้องที่ ๑๑๖ เมื่อพระรามยกทัพกลับ พิเภกทูลให้ทำลายถนนที่จองไว้ บรรลัยกัลป์ขึ้นมาจากบาดาลมาเยี่ยมทศกัณฐ์ พบนางกาลอัคคีมารดาจึงรู้ว่าบิดาคือทศกัณฐ์ถูกพระรามฆ่าตาย

                พระรามยกทัพกลับอยุธยา พิเภกทูลให้แผลงศรทำลายถนนที่ได้สร้างไว้ บรรลัยกัลป์โอรสทศกัณฐ์กับนางกาลอัคคีขึ้นจากบาดาลมาเยี่ยมบิดารู้ว่าถูกพระรามฆ่าตายก็โกรธนัก ไม่ฟังคำทัดทานของมารดาขออาวุธแล้วตามพระรามไปเพื่อจะแก้แค้น

ห้องที่ ๑๑๗ บรรลัยกัลป์ตามมารบ หนุมานแปลงเป็นกระบือ ต่อมาได้รบกันและฆ่าบรรลัยกัลป์ตาย

     บรรลัยกัลป์ตามรอยทัพพระรามมา พระรามให้หนุมานไปสังหารบรรลัยกัลป์ตามคำแนะนำของพิเภก หนุมานแปลงกายเป็นกระบือติดหล่มอยู่ ร้องขอให้บรรลัยกัลป์ช่วยฉุดขึ้นจากหล่มแล้วจะบอกว่าพระรามเดินทัพไปทางใด เมื่อบรรลัยกัลป์ฉุดขึ้นมาจากหล่มกระบือแปลงจึงบอกให้ยักษารู้ว่าพระรามคือพระนารายณ์อวตารอย่าคิดต่อสู้เลย บรรลัยกัลป์ไม่เชื่อเกิดต่อสู้กันและถูกหนุมานฆ่าตาย

ห้องที่ ๑๑๘ พระรามเคลื่อนพลเข้าเมืองขีดขิน นิลพัทซึ่งรั้งเมืองอยู่ออกมารับเสด็จ

พระรามเคลื่อนพลถึงเมืองขีดขิน นิลพัทซึ่งมาอยู่รักษาเมืองออกมารับเสด็จ สุครีพทูลให้พระรามหยุดพักพลและประทับแรมยังสวนมาลีเมืองขีดขินก่อนเดินทางต่อไป

ห้องที่ ๑๑๙ พระรามให้หนุมานกับกุขันไปส่งข่าวเสด็จกลับที่กรุงอยุธยา

            พระรามแวะนมัสการพระวสิษฐ์และพระวิศวามิตร พระอาจารย์ยังอาศรมริมฝั่งโคธาวารี กุขันพรานป่าเห็นว่าครบกำหนดสิบสี่ปีที่พระรามต้องเสด็จกลับมา จึงมาคอยรับเสด็จ พระรามใช้ให้หนุมานและกุขันไปส่งข่าวยังกรุงอยุธยาว่าได้เสด็จกลับมาแล้ว

ห้องที่ ๑๒๐ พระพรต พระสัตรุดเตรียมเสด็จเข้ากองไฟถ้าพระรามไม่เสด็จกลับในกำหนด ๑๔ ปี หนุมานและกุขันเข้าเฝ้าทูลเรื่องพระรามเสด็จกลับให้ทรงทราบ

               พระพรตพระสัตรุดเตรียมเข้ากองไฟเพื่อฆ่าตัวตายเพราะพระรามไม่กลับมาในกำหนดสิบสี่ปีตามสัญญา หนุมานและ กุขันมาห้ามไว้ทันและทูลว่าพระรามได้เสด็จกลับมาแล้วพระพรต พระสัตรุดสองพระอนุชาและพระมารดาทั้งสามได้เสด็จออกไปรับสามกษัตริย์ด้วยความยินดี

ห้องที่ ๑๒๑ พระรามปูนบำเหน็จความชอบประทานอนุชาและทหาร

     พระรามราชาภิเษกขึ้นครองกรุงอยุธยา และได้ปูนบำเหน็จความดีความชอบพระอนุชาและทหารตามผลงาน ที่ได้ทำไว้ทุกคน และได้แบ่งกรุงอยุธยากึ่งหนึ่งให้หนุมานขึ้นครอบครองตามที่เคยประทานสัญญาไว้ หนุมานนั่งบนบัลลังก์แล้วเร่าร้อนจนต้องถวายเมืองคืน พระรามจะสร้างเมืองใหม่ให้ โดยทรงแผลงศรและให้หนุมานตามไปดูจุดที่ศรตกเพื่อสร้างเมืองใหม่ยังที่นั้น

ห้องที่ ๑๒๒ พระรามประทานกรุงอยุธยาแก่หนุมานตามที่ได้ทรงสัญญาไว้ แต่หนุมานไม่รับ พระรามจึงทรงสร้างเมืองใหม่ประทานหนุมาน

               หนุมานเหาะตามศรพระรามซึ่งไปตกยังเขานพคีรี ได้เอาหางกวาดดินขึ้นเป็นกำแพงเมืองแล้วกลับมาทูลพระราม พระรามขอให้พระอินทร์มอบหมายให้พระวิษณุกรรม์มาสร้างเมืองใหม่ให้หนุมานชื่อเมืองนพบุรี แล้วแบ่งสมบัติและพลเมืองกึ่งหนึ่งของกรุงอยุธยาให้หนุมานพาไปตั้งรกรากยังเมืองใหม่

ห้องที่ ๑๒๓ ท้าวมหาบาลเทพาสูรสหายทศกัณฐ์ ยกทัพมาเยี่ยมทศกัณฐ์ ทราบว่าทศกัณฐ์ตาย จึงยกพลเข้าประชิดเมืองลงกา

                     ท้าวมหาบาลเทพาสูร เจ้ากรุงจักรวาล สหายทศกัณฐ์ ยกทัพมาเยี่ยมทศกัณฐ์รู้ว่าถูกพระรามฆ่าตายและพิเภกขึ้นครองเมืองก็โกรธท้าพิเภกรบ พระรามทราบข่าวจึงส่งหนุมานให้มาช่วยรบ แต่พิเภกขอรบด้วยตนเองดูก่อน หากเสียทีจึงให้หนุมานเข้าช่วยเหลือ

ห้องที่ ๑๒๔ พิเภกรบกับท้าวมหาบาลเทพาสูร หนุมานซึ่งพระรามทรงส่งให้มาช่วยพิเภก เข้าช่วย ฆ่าท้าวมหาบาลตาย

           พิเภกต่อสู้เสียทีท้าวมหาบาลเทพาสูร หนุมานซึ่งเหาะคอยดูอยู่บนฟ้าจึงลงมาต่อสู้กับท้าวมหาบาลแทน แต่ไม่สามารถฆ่ามันได้ เพราะท้าวมหาบาลได้รับพรจากพระอิศวร เมื่อกายขาดจึงเข้าต่อติดกันใหม่ได้ หนุมานถามวิธีสังหารจากพิเภก พิเภกให้แหวะเอาดวงใจท้าวมหาบาลมาขยี้ ที่สุดท้าวมหาบาลก็ถึงแก่ความตาย

ห้องที่ ๑๒๕ กำเนิดไพนาสุริย์วงศ์ โอรสทศกัณฐ์และนางมณโฑ แต่พิเภกสำคัญผิดว่าเป็นลูกตน รวมทั้งกำเนิด อสุรผัดบุตรหนุมานและเบญกาย

                            นางมณโฑให้กำเนิดโอรสชื่อไพนาสุริย์วงศ์ ซึ่งเกิดจากทศกัณฐ์ แต่พิเภกเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของตนจึงมีความ รักใคร่เอ็นดู ส่วนนางเบญกายก็ให้กำเนิดโอรสชื่ออสุรผัดซึ่งเกิดกับหนุมาน กุมารทั้งสองเติบโตเป็นเพื่อนเล่นกันมาและต่างได้รับความรักจากท้าวทศคิริวงศ์หรือพิเภกเสมอกัน