พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา

        วันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 เวลา 17.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ณ ที่ทำการศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
        ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกากำหนดจำนวนเขตอำนาจศาล และวันเปิดทำการของศาลแขวงในบางจังหวัด พุทธศักราช 2500 ให้จัดตั้งศาลแขวงในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2500 เป็นต้นมา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงประกอบพิธีเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2522 ซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดศาลมณฑลเก่า เมื่อ 82 ปีก่อน ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา มีอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดี ในท้องที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวม 16 อำเภอ คือ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอท่าเรือ อำเภอบ้านแพรก อำเภอลาดบัวหลวง อำเภอบางปะอิน อำเภอบางปะหัน อำเภอบางไทร อำเภอบางบาล อำเภอวังน้อย อำเภอนครหลวง อำเภอภาชี อำเภอบางซ้าย อำเภอผักไห่ อำเภอเสนา อำเภอมหาราช และอำเภออุทัย ปัจจุบันศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่ถนนอยุธยา – เสนา ตำบลหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

        พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปยังบริเวณประตูศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอยู่เป็นจำนวนมากบริเวณถนนหน้าศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา (ถนนอยุธยา-เสนา)   ในการนี้ พระราชทานอาหารแก่ช้าง ซึ่งวังช้างอยุธยา แลเพนียด ได้นำช้าง จำนวน 10 เชือก โดยแต่งตัวด้วยเครื่องคชาภรณ์ สีเหลือง และแสดงท่าหมอบ ชูงวงขึ้น และเปล่งเสียงร้องกึกก้อง เพื่อเป็นการถวายความเคารพและแสดงถึงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีด้วย   ในวันนี้ ประชาชนที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ พร้อมใจกันมาจากอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาทิ ชุมชนมุสลิมซาปูยาน ชาวไทย- ปากีสถาน อำเภอหัวรอ และศิษย์สำนักดาบพุทไธสวรรย์ ที่แต่งกายด้วยชุดนักรบโบราณ  รวมถึงจากจังหวัดใกล้เคียง  กรุงเทพมหานคร  สมุทรสาคร หรือแม้แต่จังหวัดที่ห่างไกล อย่างเช่น จังหวัดเลย และราษฎรทุกคนต่างพร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลือง โบกธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. และธงพระนามาภิไธย สท. รวมถึงเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมฉายาลักษณ์ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี มาชูขึ้นเหนือศีรษะ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกร เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินผ่าน ราษฎรต่างพร้อมใจเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ถวายพระพรอย่างกึกก้อง
        ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงแย้มพระสรวล มีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนินความยาวกว่า 800 เมตร อย่างใกล้ชิด ถึงแม้สภาพอากาศจะร้อนและอบอ้าว  แต่ก็ไม่ได้ทรงย่อท้อต่อการทรงพระดำเนินเยี่ยมราษฎร ซึ่งทำให้ต้องซับพระเสโทเป็นระยะ ๆ  นอกจากนี้ ยังได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ราษฎรร่วมฉายพระบรมฉายาลักษณ์โดยไม่ทรงถือพระองค์ พระราชทานกำลังใจและพระราชทานลายพระราชหัตถ์ รวมถึงทรงลงพระปรมาภิไธยบนพระบรมฉายาลักษณ์พระราชทานแก่ราษฎร เพื่อเชิญกลับไปไว้เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวและเป็นที่ระลึกด้วย กับทรงรับเงิน พวงมาลัย และสิ่งของที่ราษฎรตั้งใจประดิษฐ์มาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเงินที่ราษฎรทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย โดยเสด็จพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงนำไปพระราชทานช่วยเหลือแก่ราษฎรทั่วประเทศที่ประสบภัยพิบัติในโอกาสต่าง ๆ  อย่างต่อเนื่อง

 

        ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวง ร่วมกับหน่วยแพทย์สาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยามาให้บริการตรวจสุขภาพและดูแลราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จเป็นอย่างดี ทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎร ในพื้นที่จุดพักคอยก่อนเข้าพื้นที่รับเสด็จ จำนวน 4 จุด ได้แก่  ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด   วัดวรเชษฐ์  วัดท่าการ้อง  และบริเวณจุดคัดกรองด้านข้างศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา โดยมีรายการอาหาร ได้แก่   ผัดกะเพรา คั่วกลิ้ง  ผัดหน่อไม้ แกงเขียวหวาน ไข่ต้ม และมีขนมไทย ได้แก่ ขนมตาล ขนมกล้วย ลอดช่องน้ำกะทิ รวมถึงน้ำดื่ม  ด้วยทรงห่วงใยราษฎรที่มารอเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ให้ได้อิ่มท้อง  เนื่องจากราษฎรตั้งใจมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จตั้งแต่ช่วงเที่ยง   ยังความปลาบปลื้มปีติแก่ราษฎรและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ สมควรแก่เวลา จึงประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับถึงพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อเวลา ๒๑.๒๕ น. 

News and ActivitiesOther