พระราชดำรัส ในโอกาสที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำต่างประเทศ เข้าเฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลา ในโอกาสที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันอาทิตย์ ที่ 13 พฤษภาคม 2561

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2561
พระราชดำรัส(๑) 

ในโอกาสที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ(๒) 
นำคณะเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำต่างประเทศ 
เข้าเฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลา ในโอกาสที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ 
ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 
วันอาทิตย์ ที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑ 

ก็อวยพร และแสดงความปรารถนาดี ให้ท่านทั้งหลายได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่
ด้วยความสำาเร็จและได้ผล และมีความสุขความเจริญ ตลอดจนมีกำลังใจในการปฏิบัติ
หน้าที่ครั้งนี้. 

ท่านทั้งหลายย่อมเป็นนักการทูต และข้าราชการผู้ใหญ่ที่มีประสพการณ์
มีความรอบรู้ในศาสตร์และทักษะต่าง ๆ ในหน้าที่เป็นอย่างดี ก็เชื่อว่าจะปฏิบัติหน้าที่
ได้ดี. การที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนของประเทศ ก็เป็น 
เรื่องที่สำคัญ ในด้านการรักษาสัมพันธไมตรี และรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ของเรา. งานเป็นเอกอัครราชทูตหรือเทียบเท่านี้ ก็เป็นงานที่ต้องใช้ความรู้
ความสามารถ ความกระตือรือร้น หรือบางทีก็ต้องสร้างงานขึ้นมาเอง หรือวิ่งเข้าหางาน 
เพราะว่าการเป็นเอกอัครราชทูตนั้น บางทีก็ยากที่จะมีตำรับตำรามาบอกว่าต้องทำยังไง. 
แน่นอนต้องยึดถือระเบียบกฎข้อบังคับ หรือการรักษาชื่อเสียงของประเทศชาติและ 
คนไทย แน่นอนที่จะต้องมีความขยันหมั่นเพียร หรือต้องสู้กับปัญหาต่างๆ ซึ่งต้องใช้
ประสบการณ์และไหวพริบ. คือต้องวิ่งเข้าหางาน และรักษานโยบายของประเทศชาติ
ของเรา ท่าทีของเรา เพราะประเทศชาติของเราก็มีนโยบาย หรือมีวัฒนธรรม หรือมี
ข้อปฏิบัติ ก็ต้องรักษาชื่อเสียงและวัฒนธรรม ตลอดจนผลประโยชน์ของประเทศชาติ. 


(๑) เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้ 
(๒) นางบุษยา มาทแล็ง 


120

และในเวลาเดียวกันก็ต้องใฝ่รู้ถึงประเทศที่เราจะไปประจำ ทั้งเป็นทางการและ 
ไม่เป็นทางการ เพราะทุกประเทศก็มีท่าทีมีผลประโยชน์ของตน. 

เพราะฉะนั้น การรักษามิตรไมตรี หรือความเป็นมิตร หรือไมตรีต่อชาติ
ที่ประจำอยู่ ก็ต้องทำอยู่แล้ว แต่ก็ต้องมีความเข้าใจว่า ท่าทีของเรา หรือผลประโยชน์
ของเราคืออะไร และท่าทีของเขาทั้งในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ กับใน 
เวทีของโลกเป็นอย่างไร. ก็ต้องเป็นเรื่องที่ว่า จะต้องหาความรู้. มีความรู้อยู่แล้ว 
แต่ก็ต้องทันสมัยในการหาความรู้ตลอด เพราะว่า เรื่องของการทูต เรื่องของ 
การเป็นทูตนี่ ก็ต้องหาความรู้หาข้อมูล แล้วก็ต้องเอามาปฏิบัติให้ได้ตามนโยบาย 
ของชาติ ตลอดจนรักษา สร้างมิตรไมตรีของคนในประเทศนั้น. ในเวลาเดียวกัน 
ก็ต้องดูแลเอาใจใส่คนไทยที่อยู่ในประเทศนั้น ๆ ด้วย เพราะหลายประเทศก็มี
คนไทยมาก มีหลายชนิดหลายประเภท เราก็ต้องทำตัวให้เป็นที่พึ่งของพวกเขาได้
แล้วก็ต้องวางตัว หรือสร้างบรรยากาศให้ได้ชื่อเสียงดีๆ ให้แก่ประเทศชาติของเรา 
บวกกับความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมีประสบการณ์มาแล้ว. แต่เชื่อว่าท่านทั้งหลาย 
ก็ผ่านงานมามากแล้ว ก็คิดว่าจะไปได้ด้วยดี. สมัยนี้โลกก็ไม่ได้กว้างเท่าไร 
มีการติดต่อสื่อสารที่ทันสมัย แต่ในเวลาเดียวกันอะไรต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเร็ว มีผลเร็ว. 
เพราะฉะนั้น การติดตามสถานการณ์ หรือการทันต่อเหตุการณ์ และรักษาผลประโยชน์
ของประเทศชาติด้วยความรวดเร็ว ตื่นตัว และทันสมัย ก็เป็นเรื่องที่ดี. 

ก็ขอให้ไปทำงานด้วยความสบายใจ แล้วก็ประสบผลสำเร็จ ทั้งในด้านราชการ 
และความพอใจในส่วนตัวด้วย. ก็ขอให้โชคดี. 


121