พระราชดำรัส ในโอกาสที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำต่างประเทศ เข้าเฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลา ในโอกาสที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดี ที่ 21 มีนาคม 2562

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2562
พระราชดำรัส(๑) 

ในโอกาสที่ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ(๒) 
นำคณะเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มประจำต่างประเทศ 
เข้าเฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลา ในโอกาสที่จะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ 
ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๒ 

ในโอกาสที่ท่านทั้งหลายจะได้ออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ในฐานะเอกอัครราชทูต 
ในครั้งนี้ ก็ขอให้พร ฝากความปรารถนาดี และแสดงความยินดี. ขอให้ทุกท่านได้
ประสบความสำเร็จ ในการปฏิบัติหน้าที่ ณ ที่ต่างๆ ที่จะไปประจำอยู่. ท่านทั้งหลาย 
ต่างได้มีประสพการณ์ แล้วก็ในชีวิตในการรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศนี่
ก็ได้เป็นนักการทูตมามากแล้ว แล้วก็มีอาวุโส. ก็นอกจากพรที่ให้ด้วยความ 
หวังดีแล้ว เชื่อว่าความสามารถต่าง ๆ และความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติ
และประชาชน ก็น่าจะทำให้งานของท่านสำเร็จไปได้ด้วยดี เพราะว่าเป็นงานที่ท่านได้รับ 
การฝึกมา แล้วก็รับผิดชอบงานมาโดยตลอด. 

ปัจจุบันนี้ โลกดูว่าเล็กลง เพราะว่าการติดต่อสื่อสาร การพัฒนาทางเทคโนโลยี
อยู่ที่ไหนก็ติดต่อกันได้หมด อยู่ที่ไหนก็ทราบข้อมูลหมด. แต่การพัฒนาในการติดต่อ 
สื่อสาร โซเชียลมีเดียหรืออื่น ๆ นั้น ก็มีทั้งผลดีและผลเสีย และไม่มีอะไรที่จะสู้
ความเป็นมนุษย์ ความเป็นคน หรือความสัมพันธ์ที่มาจากความสัมพันธ์โดยตรง 
ระหว่างคน ด้วยจิตใจ ด้วยไมตรีจิต. ไม่มีอะไรแทนอันนี้ได้ Human Touch หรือ 
Personal Contact. นักการทูตหรือเอกอัครราชทูตของไทยก็มีหน้าที่รักษา 
พระราชไมตรี รักษาความเป็นมิตร ความเข้าใจ การกระชับสัมพันธไมตรี. อันนี้
รู้ดีอยู่แล้ว. แต่ในเวลาเดียวกัน การสร้างภาพพจน์ที่ดี ตลอดจนการเรียนรู้

(๑) เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้ 
(๒) นางบุษยา มาทแล็ง 

69 

หรือเข้าใจปัญหาของประเทศที่เราประจำอยู่ แล้วก็เข้าใจปัญหาที่ถูกต้อง 
เข้าใจอย่างถูกต้องในเรื่องของประเทศไทย เข้าใจนํ้าใจที่แท้จริงของคนไทย เข้าใจ 
วัฒนธรรมไทยที่ถูกต้อง และก็เข้าใจว่าประเทศไทยเรามีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์
มีนํ้าใจ และเป็นประเทศที่จะก้าวหน้าไปได้ แล้วเราก็ต้องเอาข้อดีต่าง ๆ นี้เผยแพร่ให้
ถูกต้อง เรียกว่าให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศเรา. ในเวลาเดียวกันก็หาช่องทาง 
พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี และทราบปัญหาหรือความต้องการของประเทศที่เราไปอยู่
หรือทราบปัญหาของโลกของภูมิภาคที่เราไปประจำ เพราะว่าขณะนี้ เดี๋ยวนี้ ทุกคน 
รู้กระแส รู้ข่าวรู้อะไรต่าง ๆ อย่างดี. อย่างที่บอกแล้ว การติดต่อสื่อสารต่าง ๆ นี่ 
มันดีเหลือเกิน แต่เข้าใจให้ถูก เข้าใจให้ถ่องแท้ เข้าใจอย่างไรให้เป็นผลประโยชน์
ต่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา เพราะเมืองไทยนี้ก็มีอะไรดีๆ เยอะ. เสนอ 
ให้ถูกต้อง และก็รู้ทัน รู้ทีท่า รู้จุดดีของประเทศที่เราไปประจำ เพราะงานของสถานทูต 
งานของกระทรวงการต่างประเทศ ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจประเทศไทย 
ความเข้าใจอุดมการณ์ของชาติ ความเข้าใจคนไทย และในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้ท่าที
ของภูมิภาคที่เราไปประจำ. 

ฉะนั้น งานสถานทูตนี่จะบอกว่าไม่มีงานไม่ได้. คนนี้อยู่ประเทศนี้ๆ บอกว่า 
ไม่มีงาน ประเทศนี้มีงานเยอะ ประเทศนี้เราเป็นตัวเล็กตัวน้อย เขาใหญ่โต เขาไม่สนใจ 
คนเอเชียอย่างเรา อันนี้ไม่มีงานอะไรเลย เพราะว่าอันนี้ประเทศใหญ่ เราตัวเล็ก 
ประเทศนี้ไม่มีงานอะไรเลย. งานสถานทูตนี่เป็นงานที่ว่า ใฝ่ใจทำ หรือไม่ใฝ่ใจทำ. 
ถ้าเผื่ออยู่ตรงไหน ที่ไหน ถ้าเผื่อใฝ่ใจทำ ตั้งใจทำ วิ่งเข้าหางาน มีงานทั้งนั้น. 
กระทรวงการต่างประเทศรุ่นเก่าก็บอกตรงนี้ไม่มีงาน ตรงนี้ไม่ได้ทำก็ไม่ต้องทำ ปล่อย. 
รปจ. เป็นยังไงก็ว่าอย่างงั้น. ก็ไม่ได้อะไร. หรือบางทีไปแล้ว ตัวเองเป็นนักเรียนนอก 
ฝรั่งมาถามรายละเอียดเกี่ยวกับเมืองไทย บอก I don’t know ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร. 
แต่เดี๋ยวนี้กระทรวงการต่างประเทศพัฒนามามาก กระทรวงการต่างประเทศ 
หรือเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต จะต้องสะท้อนความจริงของประเทศไทย 
ในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเรา. ในเวลาเดียวกันก็ต้องดูแลคนไทยให้มี
ความอบอุ่น ให้คนไทยมีความรักชาติ และภูมิใจในการเป็นคนไทย. 

เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะว่าท่านก็ผ่านอะไรมาเยอะ 
เป็นเลขาตรี เลขาโท เลขาเอก ที่ปรึกษา อัครราชทูตอะไรต่าง ๆ เป็นมาหมดแล้ว 
ก่อนจะเป็นขนาดนี้หรือบางคนก็เป็นทูตมาก่อนแล้ว. บางคนในที่นี้ก็รู้จักกันแล้ว 
เคยเจอกันแล้วในต่างประเทศ. ก็ขอให้โชคดี ขอให้ไปอย่างดี ขอให้เป็นกำลัง 
ของประเทศชาติต่อไป. 

70