พระราชดำรัส ในโอกาสที่อัยการสูงสุด นำอัยการประจำกอง สำนักงานอัยการสูงสุด เข้าเฝ้า ฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต วันพฤหัสบดี ที่ 22 ตุลาคม 2563

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2563

พระราชดำรัส (๑)
ในโอกาสที่อัยการสูงสุด (๒)
นำอัยการประจำกอง สำนักงานอัยการสูงสุด
เข้าเฝ้า ฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต
วันพฤหัสบดี ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓
—————————-

คำปฏิญาณที่ได้กล่าวไปนั้น ก็คือทัศนคติที่ดี ความสำนึกในหน้าที่ ความอดทน ความมีเหตุและผล และรู้จักกาลเทศะ โดยคำนึงถึงภาพรวมที่ดีแห่งความสงบสุขและยุติธรรมในประเทศของเรา. ทุกคนก็ได้รับการฝึก ศึกษา และได้เรียนรู้ เห็นในสิ่งต่าง ๆ มาพอสมควร อย่างน้อยก็ทราบว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก อะไรจะเป็นสิ่งที่ดี เป็นสุข ต่อประชาชน.
กฎหมาย หรือขั้นตอนตามกฎหมาย ก็มีเป็นกฎ เป็น รปจ. อยู่แล้ว. แต่การใช้กฎหมายให้ถูกต้องกับสถานการณ์ โดยความยุติธรรม โดยมีวิจารณญาณและมีเหตุผล กฎหมายก็จะดี แล้วผู้ได้รับผลจากกฎหมายก็จะได้รับความยุติธรรม. การเรียนรู้ ไม่มีที่สิ้นสุด. ไม่ว่าจะหนุ่ม ๆ สาว ๆ หรือแก่ ๆ ทำงานมาหลายสิบปีแล้ว ขั้นตอนในการเรียนรู้ ขั้นตอนในประสพการณ์ ก็มีเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ. ข้อสำคัญ เมื่อมีประสพการณ์ หรือเมื่อเห็นอะไร สำคัญที่ว่าท่านจะต้องมีวิจารณญาณ ว่าอะไรถูก อะไรไม่ถูก อะไรจะเป็นสิริมงคล หรือเป็นผลทางบวกต่อส่วนรวมหรือไม่. การมีกฎหมายอยู่ในมือ การเป็นผู้ใช้กฎหมาย หรือเป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมนั้น ก็ต้องมีความเข้มแข็งและมีเหตุผลอยู่. แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่า ท่านทั้งหลายได้รับการศึกษา และมีความตั้งใจ มีทัศนคติที่ดีอยู่แล้ว ก็คงจะพิจารณาได้ว่าอะไรจะดีสำหรับประเทศ อะไรจะดีสำหรับส่วนรวม อะไรถูก อะไรไม่ถูก. ถ้าเผื่อยึดตามคำปฏิญาณ ซึ่งก็เป็นทฤษฎีว่าน่าจะทำอย่างนั้น แต่ถ้าเผื่อยึดด้วยความอ่อนตัว ด้วยทัศนคติที่ดี ท่านก็จะมีความสุข และจะทำให้ส่วนรวมมีความสุข.
ก็ขออำนวยพรให้ท่านทั้งหลายมีสติปัญญา มีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา ที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยดี เพราะว่าท่านก็ยังอยู่ในวัยฉกรรจ์กันทั้งนั้น. ถ้าอยู่ในวัยฉกรรจ์ มีแรง มีกำลัง หาประสพการณ์ ศึกษาความเป็นมา ความต่อเนื่อง และปฏิบัติในทางที่ถูก เชื่อว่าไปได้ดีแน่. ขอให้โชคดี.

(๑) เรียบเรียงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้
(๒) นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์