วันพฤหัสบดี ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2565

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2565

ข่าวในพระราชสำนัก
พระบรมมหาราชวัง
วันพฤหัสบดี ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕

วันนี้ เวลา ๑๘.๔๒ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี
เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงเปลี่ยนเครื่องทรง
ฤดูร้อนเป็นเครื่องทรงฤดูฝนถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
พระบรมมหาราชวัง
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชรมหาวัชรราชธิดา โดยเสด็จในการนี้ด้วย
เมื่อเสด็จเข้าพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปด้านหลังฐานชุกชี
เสด็จขึ้นเกยไปยังบุษบกที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงถวายพวงมาลัยสักการะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงหยิบพระมหาสังข์ประจำพระองค์ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้ว ทรงรับพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏจากเจ้าพนักงานภูษามาลา ทรงสรงพระสุคนธ์ที่พระอังสาซ้ายขวา พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เสร็จแล้ว ทรงรับผ้าขาวจากเจ้าพนักงานภูษามาลาซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร แล้วทรงสวมมงกุฎประจำฤดูฝนถวายที่พระเศียรพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงคม จากนั้น เสด็จลงจากเกย ไปประทับพระราชอาสน์ที่จัดไว้ข้างฐานชุกชี ทรงหยิบผ้าขาวที่ซับองค์พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแล้วนั้น ทรงชุบพระสุคนธ์ในโถแก้ว ทรงบีบลงในโถแก้วและหม้อน้ำ เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปที่ฐานชุกชี ทรงวางกระทงดอกไม้บนพานหน้าฐานชุกชี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่ง และทรงจุดเทียนห่วงบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากนั้น ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกย์ และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ จากนั้น สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ เสร็จแล้ว เจ้าพนักงานภูษามาลาเชิญ พระมหาสังข์เพชรน้อยทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับพระมหาสังข์เพชรน้อย แล้วสรงที่พระเศียร จากนั้น พระราชทานน้ำพระมหาสังข์เพชรน้อยแก่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา แล้วพระราชทานน้ำสังข์นครแก่พระราชวงศ์ ที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรง พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ข้าราชการที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทภายในพระอุโบสถ เสร็จแล้ว พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนครบ ๓ รอบ และเจิมที่ฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ แล้วเสด็จออกจากพระอุโบสถ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระสุหร่ายน้ำพระพุทธมนต์ที่สรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรแก่ประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนิน ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

/เวลา ๐๙.๕๙ น. …

 

– ๒ –

เวลา ๐๙.๕๙ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทักษิณ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ ณ หอประชุมปาริชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท ความว่า เกียรติและความสำเร็จที่บัณฑิตได้รับนี้ เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า บัณฑิตได้
ศึกษาเล่าเรียนมาด้วยความวิริยอุตสาหะ จึงนับว่าได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้ศึกษาเล่าเรียนอย่างครบถ้วนบริบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตาม บัณฑิตทุกคนยังมีหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งอันพึงระลึกไว้เป็นนิตย์ คือหน้าที่
ในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศ อันได้แก่การดำรงตนเป็นพลเมืองดี ผู้ที่เป็นพลเมืองดีนั้น หมายถึงผู้ที่ประพฤติตนปฏิบัติงานเป็นประโยชน์และเป็นธรรม ทั้งต่อตนเองและส่วนรวม การจะทำให้ได้ดังที่กล่าว ต้องอาศัยคุณธรรม เป็นเครื่องกำกับความคิดจิตใจ ได้แก่ คารวธรรม สามัคคีธรรม และปัญญาธรรม คารวธรรม หมายถึง ความเคารพ คือต้องรู้จักเคารพตนเอง เคารพผู้อื่น เคารพกฎกติกาของสังคม และเคารพสิ่งที่ดีงามถูกต้อง สามัคคีธรรม หมายถึง ความพร้อมเพรียงปรองดองกัน คือต้องรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติสิ่งที่พิจารณาแล้วว่านำมาซึ่งความดีความเจริญ ปัญญาธรรม หมายถึง ความรู้ความฉลาด คือต้องรู้จักคิดพิจารณาสิ่งต่าง ๆ เรื่องราวต่าง ๆ ด้วยใจเที่ยงตรงเป็นกลาง ปราศจากอคติ อันจะช่วยให้การประพฤติตนปฏิบัติงานทุกอย่าง เป็นประโยชน์และเป็นธรรมอย่างแท้จริง หากบัณฑิตดำรงตนโดยยึดถือคุณธรรม
ทั้งสามประการนี้ แต่ละคนก็จะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะที่เป็นพลเมืองของประเทศได้อย่างสมบูรณ์ สามารถสร้างสรรค์ความสำเร็จและความเจริญให้แก่ตนเองและชาติบ้านเมืองได้พร้อมทุกส่วน
เวลา ๑๒.๕๒ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน แทนพระองค์ ไปพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยทักษิณ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒ ณ หอประชุมปาริชาต มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
ในโอกาสนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
พระราชทานพระราโชวาท ความว่า ความสุขความเจริญอันแท้จริงในชีวิตและหน้าที่การงานนั้น จะเกิดมีขึ้นได้
ด้วยการประพฤติปฏิบัติที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม ไม่อาจเกิดมีขึ้นได้ด้วยการเบียดเบียนผู้อื่นหรือเบียดบังส่วนรวม กล่าวได้ว่า ความสุขความเจริญที่แท้ ย่อมเกิดจากการกระทำที่มีลักษณะเป็นการสร้างสรรค์ มิใช่การทำลาย บัณฑิตทุกคนไม่ว่าจะทำการใด จึงต้องคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนว่าเป็นคุณหรือเป็นโทษ เป็นประโยชน์หรือมิใช่ประโยชน์ เป็นธรรมหรือไม่เป็นธรรม แล้วมุ่งประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นคุณเป็นประโยชน์ และเป็นธรรมเท่านั้น ในขณะเดียวกัน
ก็ประกอบกิจการงานด้วยความเอาใจใส่ระมัดระวัง หมั่นทบทวนความรู้และแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ แล้วนำความรู้ความสามารถมาใช้ปรับปรุงส่วนที่ควรปรับปรุงให้ดีขึ้น และส่งเสริมส่วนที่ควรส่งเสริมให้บริบูรณ์ ถ้าทำได้ดังนี้ บัณฑิตก็จะเป็นผู้ประพฤติตนปฏิบัติงานแต่ในทางสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถป้องกันความผิดพลาด และเสื่อมเสียทั้งปวงได้อย่างดีที่สุด แต่ละคนก็จะมีความสุขความเจริญที่แท้จริง ทั้งในชีวิตและกิจการงาน อย่างไม่ต้องสงสัย จึงขอให้บัณฑิตนำสิ่งที่พูดนี้ไปพิจารณาให้เข้าใจ และยึดถือปฏิบัติให้ได้ประโยชน์

/เวลา ๑๘.๐๐ น. …

– ๓ –

เวลา ๑๘.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงจุดเทียนพรรษาที่ทรงพระราชอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ในวันเดียวกันนี้ เวลา ๑๘.๐๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมให้ พลเอก หม่อมเจ้าเฉลิมศึก ยุคล เสด็จแทนพระองค์ ไปทรงจุดเทียนพรรษาที่ทรงพระราชอุทิศถวายเป็นพุทธบูชา ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
อนึ่ง เมื่อวันพุธ ที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๙.๔๘ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทาน พระบรมราชวโรกาสให้ เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่ ตามลำดับดังนี้
– นางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา (Mrs. Helene Budliger Artieda) เอกอัครราชทูตสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่
ในโอกาสนี้ นายอาเล็คส์ อาร์ทิเอดา (Mr. Alex Artieda) คู่สมรสเอกอัครราชทูต ฯ
ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย
– นายฌ็อง-ปอล เซนนิงเกอร์ (Mr. Jean-Paul Senninger) เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลลา ในโอกาสที่จะพ้นจากหน้าที่
ในโอกาสนี้ นางลูอิส โอเคอบลูม (Mrs. Louise Åkerblom) ภริยาเอกอัครราชทูต ฯ
ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย