คำกราบบังคมทูล ของ รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี รายงานกิจการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา 2561 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2562

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2562
คำกราบบังคมทูล(๑) 

ของ 
รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ 
อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 
รายงานกิจการของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี 
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๑ 
ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา 
วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ 


ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทรงทราบฝ่าละอองพระบาท 


ข้าพระพุทธเจ้า รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัย 
เทคโนโลยีสุรนารี ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงานกิจการของ 
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยสังเขปดังนี้ 


มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ใต้ฝ่าละออง 
พระบาทได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้
จัดตั้ง “กองทุนนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรม 
ราชกุมารี โดยจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๔๖ เพื่อสนับสนุนผลงานของคณาจารย์ 
นักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๗ - ๒๕๖๑ 
ได้สนับสนุนโครงการวิจัยทั้งสิ้น ๔๙ โครงการ 


ด้านการวิจัยพัฒนา ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้ดำเนินโครงการวิจัย 
๓๘๓ โครงการ ในจำนวนนี้ได้รับทุนตามโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษกของ 
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย รวมทั้งสิ้น ๔๖ โครงการ และได้เผยแพร่ผลงาน 
วิจัยในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ รวม ๘๕๕ ผลงาน ทั้งนี้ เป็นการเผยแพร่ผลงานวิจัยระดับ 


(๑) ถ้อยคำและอักขรวิธีตรงตามต้นฉบับ 


577

นานาชาติ จำนวน ๘๓๘ ผลงาน กองทุนนวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์สมเด็จ 
พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี จำนวน ๒ โครงการ 


ด้านการปรับแปลง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยได้ดำเนิน 
ภารกิจด้านการปรับแปลง ถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการเป็น “สถาบันคู่เคียง 
สังคม” ยึดหลักความรับผิดชอบต่อสังคม (Social Responsibility) ควบคู่กับ 
หลักธรรมาภิบาล ที่มีการบริหารที่ซื่อสัตย์ โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยในปี
งบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ มหาวิทยาลัยได้นำผลงานวิจัยพัฒนามาปรับแปลงและ 
ถ่ายทอดสู่ชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น การจัดโครงการสนับสนุน 
การพัฒนาเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมไทย การจัดโครงการด้านปศุสัตว์ ด้านเกษตร 
การจัดโครงการคลินิกเทคโนโลยี และโครงการหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจ ฯลฯ โดย 
มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นส่งเสริมธุรกิจเทคโนโลยีใหม่ที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูง 
โดยมีการยกระดับการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ในการสนับสนุน 
คลัสเตอร์เชิงยุทธศาสตร์ของภูมิภาค มุ่งเน้นกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ 
ใหม่ ผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรม อาจารย์ นักวิจัย นักศึกษา และประชาชนทั่วไป 


ด้านการบริการวิชาการ เพื่อให้สถาบันแห่งนี้เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง 
มหาวิทยาลัยได้กำหนดนโยบาย “จากหิ้ง ลงสู่ห้าง” คือ นำผลงานวิจัยที่โดดเด่นและ 
เกิดนวัตกรรมสู่การพัฒนาชุมชนที่เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นไทยแลนด์ ๔.๐ 
เพื่อให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็น “สถาบันคู่เคียงสังคม” โดยมีเทคโนธานี เป็นหน่วยงาน 
หลักทำหน้าที่เชื่อมประสานองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีออกบริการสู่สังคม 
เช่น ไก่เนื้อโคราชโคเนื้อพันธุ์โคราช วากิว ปลานิลแปลงเพศ การปลูกพืชไร้ดิน 
(ไฮโดรโปนิกส์) ฯลฯ มหาวิทยาลัยได้พยายามเพิ่มพูนความรู้ด้านต่างๆ 
และส่งเสริม ทั้งด้านการผลิต การแปรรูป การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ 
การปรับปรุงกระบวนการผลิต ตลอดจนการตลาด เพื่อให้เกิดเป็นอาชีพได้อย่างมั่นคง 
และยั่งยืน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกาภิวัตน์ เพื่อให้
องค์ความรู้ทางวิชาการที่สั่งสมจากคณาจารย์ นักวิจัย และผู้มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์
แต่ละแขนง ได้ถูกเชื่อมประสานผ่านสำนักงานอุทยานการเรียนรู้สิรินธร สำนักงาน 
บริการวิชาการและโครงการพิเศษ โดยจัดให้มีการอบรม สัมมนา และประชุม 
เชิงปฏิบัติการที่เกิดจากการร่วมคิดร่วมพัฒนาตามความต้องการของสถานศึกษา 
ผู้ประกอบการ องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ 
และเอกชน 


578

ด้านการทะนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยได้ร่วมส่งเสริม สนับสนุน 
เผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการนำความรู้สู่การอนุรักษ์ 
โดยการสร้างเครือข่าย ภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งในกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และประชาชน 
เช่น กิจกรรมไหว้ครูดนตรีและนาฏศิลป์ไทย กิจกรรมลานบันเทิง และการจัดกิจกรรม 
ส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติในระดับอาเซียน ASEAN Week@SUT Library 


ด้านการรับผิดชอบต่อสังคม มหาวิทยาลัยได้จัดกิจกรรมโครงการที่แสดงถึง 
ความรับผิดชอบต่อสังคม เช่น โครงการมหาวิทยาลัยเขียวสะอาด (Green and Clean 
University) โครงการ มทส. ร่วมใจ ประหยัดใช้พลังงาน “สู้วิกฤตไฟฟ้า” 


ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้ดำเนินการตามภารกิจมาเป็นปีที่
ยี่สิบเก้า โดยเปิดสอนหลักสูตรระดับปริญญาตรีปริญญาโท และปริญญาเอก 
รวมทั้งสิ้น ๑๐๐ หลักสูตร ในกลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ 
เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีการจัดการ ภาษาอังกฤษ 
สาธารณสุขศาสตร์ แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และพยาบาลศาสตร์ ดังนี้ 


๑. หลักสูตรระดับปริญญาตรี เปิดสอนในกลุ่มสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ 
เทคโนโลยีการเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีการจัดการ สาธารณสุขศาสตร์ 
วิทยาศาสตร์ แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และพยาบาลศาสตร์ รวม ๔๒ 
หลักสูตร รับนักศึกษาเข้าศึกษาโดยวิธีการรับตรง ทั้งมีการสอบข้อเขียนและไม่มีการ 
สอบข้อเขียน และการคัดเลือกผ่านระบบ TCAS โดยสมาคมที่ประชุมอธิการบดี
แห่งประเทศไทย ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๓๖ จนถึงปัจจุบันปีการศึกษา ๒๕๖๑ 
รวม ๒๖ รุ่น มีนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่เข้ารับศึกษา รวม ๖๑,๒๐๓ คน 
มีผู้สำเร็จการศึกษาไปแล้ว ๒๒ รุ่น รวม ๒๘,๑๙๒ คน 


ในปีการศึกษา ๒๕๖๑ นี้ มหาวิทยาลัยรับนักศึกษาใหม่รวม ๓,๕๕๕ คน 
เป็นนักศึกษากลุ่มสาขาวิชาวิศวกรรมศาสตร์ ๒,๓๐๖ คน กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยี
การเกษตร ๒๘๗ คน กลุ่มสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ ๒๔๑ คน กลุ่มสาขาวิชา 
เทคโนโลยีการจัดการ ๑๔๓ คน กลุ่มสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์ ๑๙๕ คน 
กลุ่มสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา ๕๒ คน กลุ่มสาขาวิชาตามหลักสูตรวิทยาศาสตร 
บัณฑิตที่จัดการศึกษาแบบก้าวหน้า ๗๘ คน กลุ่มสาขาวิชาแพทยศาสตร์ ๙๒ คน 
กลุ่มสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ ๑๒๒ คน และกลุ่มสาขาวิชาทันตแพทยศาสตร์ ๓๙ คน 


๒. หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยเปิดสอนระดับบัณฑิตศึกษาเป็น 
ปีที่ยี่สิบสี่ โดยเปิดสอนในระดับปริญญาโท และระดับปริญญาเอก รวม ๕๘ หลักสูตร 


579

มีนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาที่เข้ารับศึกษา รวม ๖,๒๙๔ คน สำเร็จการศึกษาแล้ว 
ในระดับปริญญาโท ๒๐ รุ่น รวม ๒,๕๑๒ คน ระดับปริญญาเอก ๑๙ รุ่น 
รวม ๘๐๗ คน 


ผลการดำเนินงานดังที่ได้กราบบังคมทูลโดยสังเขป แสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัย 
เทคโนโลยีสุรนารีประสบความสำเร็จและก้าวหน้ามาด้วยดี และในปีการศึกษา ๒๕๖๑ 
มีผู้สำเร็จการศึกษาที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร แบ่งเป็น ระดับปริญญาเอก 
รุ่นที่ยี่สิบ จำนวน ๗๓ คน ระดับปริญญาโทรุ่นที่ยี่สิบเอ็ด จำนวน ๑๗๕ คน 
ระดับปริญญาตรีรุ่นที่ยี่สิบสาม จำนวน ๒,๙๘๑ คน และผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบัน 
การบินพลเรือน สถาบันสมทบของมหาวิทยาลัย ระดับปริญญาโทรุ่นที่ห้า จำนวน 
๒๔ คน ระดับปริญญาตรีรุ่นที่สิบเก้า จำนวน ๓๘๑ คน รวมจำนวน ๓,๖๓๔ คน

บัดนี้ ได้เวลาอันเป็นอุดมมงคลฤกษ์แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราช 
วโรกาสกราบบังคมทูลเบิกผู้ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีผลงาน 
วิชาการ ผลงานวิชาชีพ และทำคุณประโยชน์เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อสังคม ประเทศชาติ 
และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี สมควรได้รับพระราชทานปริญญาบัตรดุษฎีบัณฑิต 
กิตติมศักดิ์ เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป ตามลำดับ ดังนี้ 

การจัดการดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เทคโนโลยีการจัดการ) 
ศาสตราจารย์พิเศษไพจิตร โรจนวานิช 

ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (เทคโนโลยีการผลิตสัตว์) 
นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ 

แพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พลตรีหญิง แพทย์หญิงวณิช วรรณพฤกษ์ 

ผู้ได้รับรางวัลเกียรติคุณ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ยิ่งให้แก่มหาวิทยาลัย 
เทคโนโลยีสุรนารี สมควรได้รับรางวัลเกียรติคุณเข็มกิตติการทองคำ เพื่อเป็นเกียรติ
ประวัติสืบไป ตามลำดับ ดังนี้ 

ศาสตราจารย์ปรัชญา เวสารัชช์ 
ศาสตราจารย์เกียรติคุณปรีดา วิบูลย์สวัสดิ์ 


580

ต่อจากนี้ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชวโรกาสกราบบังคมทูลเชิญ 
ใต้ฝ่าละอองพระบาททรงพระกรุณาพระราชทานปริญญาบัตรกับรางวัลแก่ผู้สำเร็จ 
การศึกษา ดังที่คณบดี รองคณบดี หัวหน้าสาขาวิชา ผู้ว่าการสถาบันการบินพลเรือน 
และรองอธิการบดี จะได้กราบบังคมทูลต่อไป และขอรับพระราชทานพระราโชวาท เพื่อ 
เป็นสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลแก่บัณฑิตและผู้เข้าร่วมพิธีพระราชทานปริญญาบัตรครั้งนี้สืบไป 


ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม 


581