พระราโชวาท สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ประจำปีการศึกษา 2562 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี จังหวัดสงขลา วันจันทร์ ที่ 25 กรกฎาคม 2565

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2565

พระราโชวาท
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย
ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒
ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี จังหวัดสงขลา
วันจันทร์ ที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
————————–

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๒ ในวันนี้. ขอแสดงความชื่นชมต่อผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ.
การศึกษานั้น คือรากฐานสำคัญของชีวิต เพราะทำให้คนเรามีความรู้ในหลักวิชา มีความรู้คิดพิจารณา มีคุณธรรมความประพฤติที่ดี และมีความสามารถที่จะนำคุณสมบัติทั้งปวงนี้ ไปใช้ให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์แก่ตนเองและส่วนรวม. ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเช่นบัณฑิตทั้งหลาย นับว่าได้เสริมสร้างรากฐานของชีวิตมาด้วยดีแล้ว จึงควรจะได้พัฒนาให้ก้าวหน้ามั่นคงยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทั้งในด้านลึกและด้านกว้าง. ในด้านลึก ได้แก่การศึกษาค้นคว้าในวิชาเฉพาะของแต่ละคน ให้ยิ่งลึกซึ้งแตกฉาน และฝึกฝนปฏิบัติจนคล่องแคล่วชำนาญ. ส่วนในด้านกว้าง ได้แก่การศึกษาเรียนรู้วิทยาการสาขาอื่น ๆ ตลอดจนความรู้รอบตัวเกี่ยวกับสภาวะและสถานการณ์ต่าง ๆ จะได้สามารถนำวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีอยู่ ประสานเข้ากับวิชาการด้านอื่น ๆ ได้อย่างสอดคล้อง ถูกต้อง เหมาะสม ให้บังเกิดผลเป็นประโยชน์แก่การปฏิบัติงานสร้างสรรค์เทคโนโลยี และการปฏิบัติแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของบ้านเมือง. หากบัณฑิตตั้งใจพัฒนาความรู้ดังที่กล่าว แล้วนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศชาติร่วมกับทุกคนทุกฝ่าย ด้วยความอุตสาหะอดทนแล้ว ประโยชน์และความเจริญมั่นคงก็จะบังเกิดขึ้น ทั้งแก่บัณฑิตเองและแก่ชาติบ้านเมืองอย่างบริบูรณ์.
ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตทุกคน และทุกท่านที่มาร่วมในพิธีนี้ มีความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน.