พระราโชวาท สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2565 ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จังหวัดนครปฐม วันจันทร์ ที่ 9 ตุลาคม 2566

วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2566

พระราโชวาท
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล
ประจำปีการศึกษา 2565
ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จังหวัดนครปฐม
วันจันทร์ ที่ 9 ตุลาคม 2566

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2565 ในวันนี้. ขอแสดงความชื่นชมต่อผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ.
ในโอกาสที่ท่านทั้งหลายสำเร็จการศึกษา และมีภาระหน้าที่อย่างสำคัญ ที่จะต้องสร้างสรรค์อนาคตอันรุ่งเรืองแก่ตนเองและสังคมส่วนรวม ข้าพเจ้าใคร่จะปรารภกับทุกท่านถึงคุณสมบัติประการหนึ่ง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตและการปฏิบัติกิจการงาน คือ ความมีวิจารณญาณ.
วิจารณญาณนั้น หมายถึง ปัญญาที่สามารถหยั่งรู้และวินิจฉัยเหตุผลต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดรอบคอบและถูกต้อง. ผู้มีวิจารณญาณ จะไม่หลงเชื่อตามสิ่งใดหรือผู้หนึ่งผู้ใดโดยง่าย และไม่ด่วนหวั่นไหวไปตามข้อมูลข่าวสารที่ได้รับ แต่ตระหนักรู้ถึงความเป็นจริงได้ด้วยการใคร่ครวญหาเหตุผล โดยใช้หลักคิดอันถูกต้องเที่ยงธรรม ปราศจากอคติ. โดยนัยนี้ บุคคลก็จะสามารถจำแนกแยกแยะความจริงความเท็จ รวมทั้งสิ่งที่เป็นคุณเป็นโทษได้อย่างเที่ยงตรง ทำให้รู้ทันคน รู้ทันโลก สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างผาสุกมั่นคง และประกอบกิจการงานให้สำเร็จผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. จึงขอให้บัณฑิตทุกคน พยายามสร้างเสริมคุณสมบัติข้อนี้ให้มีขึ้นในตน โดยระลึกไว้เสมอว่า สังคมใดประกอบพร้อมด้วยบุคคลที่มีวิจารณญาณ สังคมนั้นย่อมมีแต่ความเจริญก้าวหน้า.
ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตทุกคน มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองทั้งในชีวิตและหน้าที่การงาน ทั้งขอให้ทุกท่านที่มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ มีความสุขสวัสดีโดยทั่วกัน.