Page 15 - พระราชดำรัส รัชกาลที่ ๙ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๕๐
P. 15

พระราชดำารัส     (๑)



                                      พระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้า ฯ ถวายชัยมงคล

                                                   ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
                                            ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต

                                                    วันศุกร์ ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑









                               ขอขอบใจท่านทั้งหลายที่มาชุมนุมกันในโอกาสใกล้จะถึงปีใหม่  ไม่ใช่ปีใหม่  เป็นปีใหม่ของเรา
                        คือปีใหม่ของผู้พูด  เพราะว่าพรุ่งนี้เริ่มศักราชใหม่  เริ่มอายุใหม่.  นายก ฯ   ได้กล่าวสรุปชีวิตตั้ง  ๕๐
                                                                                      (๒)
                        กว่าปี  ที่ได้ทำางานทำาการ  และชมว่าได้ช่วยให้ประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุข  มีความร่มเย็น.  วันนี้
                        ท่านทั้งหลายมา  ทั้งที่อยู่ข้างในข้างนอก  มาเป็นจำานวนมาก  นับว่าเป็นประวัติการณ์.  การที่ได้ทำา
                        ความเจริญหรือความสุขแก่ประเทศชาติและประชาชนนั้น  มิได้เป็นงานของผู้หนึ่งผู้ใดที่จะปฏิบัติได้

                        ต้องร่วมมือกัน.  ผู้ใดมีความรู้ทางใดก็ควรจะใช้ความรู้ความสามารถนั้นเพื่อสร้างความมั่นคง.  ถ้ามี
                        หลายคนที่มีความรู้อย่างเดียวกัน  ก็ต้องร่วมมือกัน.  บางคนมีความรู้เหมือนกันแต่ความเห็นต่างกัน
                        ดังนี้ก็จะต้องปรึกษากันมากกว่าที่จะเถียงกัน.  คำาว่าปรึกษากับคำาว่าเถียงนี่ต่างกัน.  คำาว่าเถียง

                        ใช้แต่อารมณ์  คำาว่าปรึกษาใช้ปัญญา.  ถ้าสามารถที่จะใช้ปัญญาปรึกษากัน  จะได้คำาตอบ  เพราะว่า
                        ความจริงนั้นมีอันเดียว.  ความเท็จมีหลาย  หรือทางที่ผิดมีมากมาย  แต่ความจริงทางที่ดี  ส่วนมาก
                        เป็นทางเดียวที่จะสามารถนำาพาสู่ความสำาเร็จ.


                               นายก ฯ  ได้กล่าวถึงกิจการต่าง ๆ  เช่นเรื่องที่ได้กล่าวเมื่อปีที่แล้ว  เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง.
                        คำาว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี้ไม่มีในตำารา  ไม่เคยมีระบบเศรษฐกิจพอเพียง.  มีอย่างอื่นแต่ไม่ใช้คำานี้.
                        ปีที่แล้วพูดว่า  เศรษฐกิจพอเพียง  เพราะหาคำาอื่นไม่ได้.  และได้พูดอย่างหนึ่งว่า  เศรษฐกิจพอเพียงนี้

                        ให้ปฏิบัติเพียงครึ่งเดียว  คือไม่ต้องทั้งหมด  หรือแม้จะเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอ.  ในคราวนั้น  เมื่อปีที่แล้ว
                        นึกว่าเข้าใจกัน แต่เมื่อไม่นาน  เดือนที่แล้ว  มีผู้ที่ควรจะรู้  เพราะว่าได้ปฏิบัติเกี่ยวกับการพัฒนา

                        มาช้านานแล้ว  มาบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียงนี่ดีมาก  แล้วก็เข้าใจว่าปฏิบัติเพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น
                        หมายความว่า  ถ้าทำาได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของประเทศก็จะพอ.  ความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง
                        และทำาได้เพียงเศษหนึ่งส่วนสี่ก็พอนั้น  ไม่ได้แปลว่าเศษหนึ่งส่วนสี่ของพื้นที่  แต่เศษหนึ่งส่วนสี่ของ

                        การกระทำา.












                            (๑)   ทรงเรียบเรียงและปรับปรุงขึ้นตามที่ได้บันทึกพระสุรเสียงไว้
                            (๒)   นายชวน หลีกภัย



                                                                                                             1
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20